แบงก์-นอนแบงก์
"กสิกรไทย"ทุ่ม 1,200 ล้าน ลงทุนในลาว ขยายเครือข่ายครอบคลุมภูมิภาค


"แบงก์กสิกรไทย"ทุ่มงบ 1,200 ล้านบาท ขยายเครือข่าย ตั้งบริษัทในลาว พร้อมเดินหน้าลุยตลาดกัมพูชา ยกระดับเป็นธนาคารท้องถิ่นในจีน ด้าน "ศูนย์วิจัยกสิกร" คาดจีดีพีไตรมาส 3 อาจต่ำกว่า 2% เอื้อ กนง.ผ่อนคลายดอกเบี้ย


 
 
 
เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2557 รายงานข่าวจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ดำเนินการจัดตั้งบริษัท ธนาคารกสิกรไทย จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวภายในเดือนพฤศจิกายน นี้ ด้วยทุนจดทะเบียน 1,200 ล้านบาท 

โดยธนาคารกสิกรไทยจะถือหุ้นในบริษัทที่จัดตั้งในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สัดส่วน 90% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด และบริษัทจัดการกองทุน กสิกรไทย (บลจ.) ถือหุ้น 10%
 

 
 
นายปรีดี ดาวฉาย  กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า การเปิดสาขาในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นไปตามแผนของธุรกิจต่างประเทศ ซึ่งจะมีการเปิดทำการในเดือนนี้ ก่อนจะเปิดอย่างเป็นทางการในกลางเดือนธันวาคม 2557 ซึ่งการเปิดธุรกิจในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จะเป็นการรองรับเงินลงทุนจากเอกชนที่จะเข้าไปในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ขณะเดียวกันในด้านธุรกิจลูกค้าบุคคล หากลูกค้ากลุ่มวิสดอมในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวก็สามารถข้ามาใช้บริการในฝั่งประเทศไทยได้เช่นกัน

ทั้งนี้ ประเทศถัดไปที่ธนาคารจะสร้างเครือข่ายอาจจะเป็นกัมพูชาที่กำลังอยู่ระหว่างการศึกษา ทั้งนี้แผนธุรกิจต่างประเทศของธนาคารยังเดินหน้าต่อเนื่อง ทั้งการสร้างพันธมิตรกับธนาคารท้องถิ่นในประเทศญี่ปุ่น หรือการเดินหน้ายกระดับจากสาขาธนาคารต่างประเทศในประเทศจีนให้เป็นธนาคารท้องถิ่น เพราะประเทศจีนยังเป็นเป้าหมายสำคัญของธนาคาร

ส่วนประเทศไทยการเติบโตยังขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งในปีหน้าธนาคารมองเป้าหมายการเติบโตทางสินเชื่อที่ราว 8-9% จากปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตไม่ถึง 8% 

 
 
 
ด้าน ดร.เชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า โอกาสที่เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 จะเติบโตต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 2% มีอยู่มาก จากปัจจัยแวดล้อมที่เกิดขึ้นโดยรวม ขณะที่เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ยังมีโอกาสเติบโตได้ 4% จากฐานที่ต่ำในปีก่อนหน้า โดยศูนย์วิจัยกสิกรฯ ยังคงคาดการณ์จีดีพีของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ที่ 1.6% 

ทั้งนี้ ทิศทางของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ที่อาจจะเติบโตได้น้อยกว่าที่คาด จะเป็นโอกาสที่จะทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สามารถดำเนินนโยบายแบบผ่อยคลายได้ตามที่มีการส่งสัญญาณไว้ ซึ่งหาก ธปท.จะดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายก็อาจจะต้องรีบทำ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในที่ประชุมเดือนธันวาคมนี้ โดยหากจะมีการลดดอกเบี้ยนโยบายอาจจะลดลงได้ 0.25% จะไม่มีผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายในระดับที่น่ากังวลนัก
 
ขณะเดียวกันผลจากการใช้นโยบายการเงินจะช่วยพยุงเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่ง เช่น ช่วยให้การระดมทุนในการลงทุนของภาครัฐทำได้ดีขึ้น แต่การส่งผ่านนโยบายการเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจต้องใช้เวลาเป็นไตรมาส และผลที่ได้ในการผ่อนคลายครั้งนี้อาจจะไม่มากนัก กอรปกับมีระยะเวลาในการใช้ค่อนข้างจำกัด เพราะเมื่อเข้าสู่กลางปี 2558  อัตราดอกเบี้ยมีโอกาสปรับขึ้นตามธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาที่คาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดคือครึ่งแรกของปี 2558 เป็นต้นไป ส่งผลให้การดำเนินนโยบายการเงินของไทยในครั้งนี้ต้องอาศัยการพิจารณาละเอียดขึ้น

ส่วนเศรษฐกิจไทยในปี 2558 จะมาจากการส่งออกที่ขยายตัวได้ดีขึ้น จากปีนี้ที่ติดลบ 0.3% จะกลับมาเติบโตได้ 3.5% ในปีหน้า ซึ่งได้รับผลบวกจากเศรษฐกิจสหรัฐที่ฟื้นตัว ขณะที่ยุโรปและญี่ปุ่นมีแนวโน้มไม่แย่ลงจากปัจจุบัน ขณะที่การเบิกจ่ายของการลงทุนภาครัฐ ภายใต้โครงการลงทุนของรัฐบาลไทยที่เริ่มเดินหน้า จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างน้อย  4% กลับสู่การเติบโตระดับปกติ

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 13 พ.ย. 2557 เวลา : 15:59:28
23-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 23, 2024, 10:03 am