"ธนาคารกสิกรไทย" ชู 4 ยุทธศาสตร์ เป็นผู้นำด้านการเงินปี 2558 ตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 8 - 9 % ลั่นพร้อมเป็นธนาคารแห่งเออีซีบวก 3 เตรียมขอเป็นธนาคารท้องถิ่นในประเทศจีน ขยายเครือข่ายไปกัมพูชา
นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2557 อัตราการขยายตัวของจีดีพีคาดว่าจะต่ำกว่า 1.6% จากการที่ภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวยังคงฟื้นตัวล่าช้า สำหรับแนวโน้มในปี 2558 อัตราการขยายตัวของจีดีพีจะอยู่ในกรอบประมาณการที่ 3.5-4.5% โดยมีแรงส่งจากการฟื้นตัวของแรงขับเคลื่อนในประเทศ นำโดยการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ โดยคาดว่าการมูลค่าการลงทุนโดยรวมจะขยายตัวจากปี 2557 ที่ 6% ทั้งนี้ ผลกระทบจากการที่ประเทศแกนนำทางเศรษฐกิจของโลกยังฟื้นตัวไม่พร้อมกัน มีเพียงสหรัฐอเมริกาที่ขยายตัวโดดเด่น จึงคาดว่าปีหน้ามูลค่าการส่งออกไทยจะขยายตัวจากปี 2557 ที่ 3.5%
ทั้งนี้ธนาคารกสิกรไทยได้กำหนดเป้าหมายธุรกิจปี 2558 ที่สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศและภูมิภาค โดยธนาคารตั้งเป้าหมายอัตราการเติบโตของเงินให้สินเชื่อโดยรวมอยู่ที่ 8-9% จากปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตไม่เกิน 8 % และขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม หรือ NPL ที่ระดับ 2.2-2.3% จากปีนี้ที่มองว่าจะไม่เกิน 2.16 % ทั้งนี้ในปีหน้าที่มองว่าNPL จะขยับขึ้นมาจากการประเมินภายใต้ผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปีนี้
อย่างไรก็ตาม สัญญาณการเพิ่มขึ้นของ NPL นับว่ากลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว หลังจากที่ต้นปีที่ผ่านมา NPL มีการขยับขึ้นตามเศรษฐกิจที่ชะงักงัน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในกลุ่มเอสเอ็มอีและสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค ทั้งนี้ NLP ในระดับนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ ส่วนอัตราส่วนผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (NIM) ในปีหน้าธนาคารตั้งเป้าหมายไว้ที่ 3.5-3.7% มีอัตราส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิที่ 40%
ด้าน นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารได้กำหนดยุทธศาสตร์ที่จะมุ่งเน้น 4 ด้านสำคัญ เพื่อผลักดันธุรกิจของธนาคารให้ไปสู่เป้าหมายได้สำเร็จ ได้แก่
1.การเป็นอันดับหนึ่งด้านธนาคารหลักของลูกค้า ในทุกกลุ่มลูกค้า และมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งจากผลสำรวจด้านการเป็นธนาคารหลักของลูกค้าและความแข็งแกร่งของแบรนด์ที่ผ่านมา ธนาคารกสิกรไทยจัดอยู่ในกลุ่มผู้นำมาอย่างต่อเนื่อง และจะรักษาความเป็นผู้นำต่อไป โดยการส่งมอบบริการทางการเงินและการให้คำปรึกษาอย่างมืออาชีพแก่ลูกค้าทุกกลุ่ม ภายใต้แนวคิดการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
2. การเน้นย้ำเรื่องบริการที่เป็นเลิศตามแนวคิด “บริการทุกระดับประทับใจ” และการเสริมสร้างตำแหน่งทางการตลาดนี้ให้แข็งแกร่ง ธนาคารมุ่งเน้นการเสริมสร้างแบรนด์เพื่อเน้นย้ำการให้บริการที่เป็นเลิศ ตามแนวคิด “บริการทุกระดับประทับใจ” เพื่อยกระดับการให้บริการให้มีความโดดเด่น โดยได้มีการตั้งสายงานการให้บริการลูกค้า เพื่อดูแลยุทธศาสตร์ในด้านนี้อย่างเจาะจง
3. การเป็นผู้นำการให้บริการทางการเงินในโลกดิจิตอล และบริการธุรกรรมทางการเงิน โดยการพัฒนานวัตกรรมบริการดิจิตอลแบงกิ้งให้สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันของกลุ่มลูกค้ารายย่อย และการพัฒนาบริการด้านธุรกรรม เพื่อสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมจากการเป็นผู้นำในด้านการให้บริการทางการเงินในโลกดิจิตอล และบริการ Transaction Banking ซึ่งถือเป็นรายได้ที่มีความสำคัญต่อธนาคาร
4. การเป็นธนาคารแห่งเออีซีบวกสาม “AEC+3 Bank” เพื่อตอบสนองต่อโอกาสทางธุรกิจซึ่งมาจากการเกิดขึ้นของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) รวมถึงโอกาสทางธุรกิจกับจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ หรือ AEC+3 ธนาคารมุ่งมั่นที่จะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่สามารถดูแลลูกค้าทุกกลุ่มอย่างครบวงจร และมีเป้าหมายที่จะเป็นธนาคารหลักของลูกค้าสำหรับธุรกรรมระหว่างประเทศ และการชำระเงินข้ามประเทศในกลุ่มประเทศ AEC+ 3
สำหรับเป้าหมายทางธุรกิจข้ามประเทศที่สำคัญในปี 2558 คือการยกระดับสาขาของธนาคารในประเทศจีนให้เป็นธนาคารท้องถิ่นภายในปลายปี ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการขออนุญาติทางการของจีน แต่เป้าหมายธุรกิจในประเทศจีนของธนาคาร คาดว่าจะมียอดธุรกรรมระหว่างประเทศผ่านธนาคาร 8,000 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 60% จากปี 2557 มียอดสินเชื่อ 3,750 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 44% และยอดเงินฝาก 4,950 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 106%
ขณะเดียวกันมีแผนขยายธุรกิจเข้าไปในประเทศกัมพูชา ซึ่งคาดว่าจะสามารถทำได้ในช่วงต้นปี ส่วนเป้าหมายการดำเนินธุรกิจใน สปป.ลาว ที่ได้เปิดให้บริการเป็นธนาคารท้องถิ่นแล้วนั้น คาดว่าในปี 2558 จะมียอดธุรกรรมระหว่างประเทศ 3,000 ล้านบาท มียอดสินเชื่อ 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 150% และมียอดเงินฝาก 250 ล้านบาท
นายธีรนันท์ กล่าวด้วยว่า ธนาคารคาดว่าจะมีความต้องการเม็ดเงินลงทุนหลายโครงการ ทั้งการค้าระหว่างประเทศ (Trade Volume) ในอาเซียนที่มีมูลค่ารวมกว่า 11 ล้านล้านบาท และโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 2.4 ล้านล้านบาท ของรัฐบาล รวมทั้งการขยายตัวของชุมชนเมืองในตลาดต่างจังหวัด โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกที่มีสัดส่วนการเติบโตกว่า 10%
โดยธุรกิจที่มีแนวโน้มสดใสในปี 2558 ได้แก่ ธุรกิจกลุ่มวัสดุก่อสร้าง สื่อสารโทรคมนาคม ค้าปลีกสมัยใหม่ และค้าปลีกตามแนวชายแดน ท่องเที่ยวและธุรกิจด้านสุขภาพ และการส่งออกสินค้าที่สร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น รถยนต์ สินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่น อาหารแปรรูป ซึ่งธนาคารพร้อมจะเข้าไปให้ความสนับสนุนทางการเงินแก่ธุรกิจบรรษัทและเอสเอ็มอี รวมทั้งบริการที่รองรับการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้ารายย่อย และมั่นใจว่าในปี 2558 จะเป็นปีสำคัญที่ธนาคารกสิกรไทยจะเติบโตอย่างมั่นคง และบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจที่ตั้งไว้ได้แน่นอน
ข่าวเด่น