นับวันการแข่งขันในธุรกิจเครื่องสำอางจะมีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะสาวไทยยังคงให้ความสำคัญกับความสวยความงาม ไม่ว่าเศรษฐกิจจะทรุด หรือการเมืองจะมีความวุ่นวาย แต่สาวไทยก็ขอสวยไว้ก่อน แม้ว่าความสวยที่ได้อาจมีการลดงบ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์
ด้วยเหตุนี้ จึงถือเป็นอานิสงส์ของกลุ่มสินค้าเครื่องสำอางในตลาดระดับกลางและล่างที่มีราคาขายไม่แพง เห็นได้จากยอดขายสินค้าของเครื่องสำอาง “คาทริส” แบรนด์เครื่องสำอางนำเข้าจากเยอรมัน ที่วางตำแหน่งสินค้าให้คนไทยสามารถเลือกซื้อเลือกหาได้ง่าย ด้วยการวางราคาขายไว้ประมาณ 120-395 บาท
น.ส.ศะศิรา โชติปรีชารัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เอ็ม.เอส.ฮานาโซโน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องสำอางจากประเทศเยอรมัน ภายใต้แบรนด์ ”คาทริส” กล่าวว่า หลังจากได้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องสำอางภายใต้แบรนด์คาทริสในประเทศไทยเมื่อปี 2555 ที่ผ่านมา รวมระยะเวลากว่า 3 ปี พบว่า ลูกค้าคนไทยให้ผลการตอบรับเครื่องสำอางคาทริสเป็นอย่างดี เนื่องจากราคาสินค้าที่นำเข้ามาจำหน่ายมีราคาไม่เกิน 400 บาท
จากผลการตอบรับที่ดีดังกล่าว ส่งผลให้ปี 2556 มีจุดจำหน่ายเครื่องสำอางคาทริสประมาณ 200 สาขา และปัจจุบันมีจุดขายมากกว่า 250 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งจากจำนวนจุดขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพรวม 10 เดือนของเครื่องสำอางคาทริส ยังคงมียอดขายเติบโตในทิศทางที่ดีอยู่ที่ประมาณ 45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ความสำเร็จที่ได้รับดังกล่าว ส่งผลให้บริษัท เอ็ม.เอส.ฮานาโซโนฯ มั่นใจว่าเดินมาถูกทาง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้กลยุทธ์การทำตลาดของเครื่องสำอางคาทริส ยังคงเดินหน้าเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่องภายใต้ราคาสินค้าระดับเดิม
น.ส.ศะศิรากล่าวว่า ความสำเร็จที่ประเทศไทยได้รับ ส่งผลให้บริษัทแม่คอสโนว่า จีเอ็มบีเอส ยังคงน้นบุกทำตลาดความงามในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นตลาดที่ใหญ่สุดในอาเซียนและเติบโตเร็วกว่ามูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ส่วนกลยุทธ์ในการก้าวขึ้นสู่ผู้นำตลาดความงามในเมืองไทย จะเน้นการนำเสนอสินค้าใหม่ที่โดดเด่น มีไอเท็มให้ผู้บริโภคได้เลือกหลากหลายในราคาคุ้มค่าโดนใจ
ขณะเดียวกันจะเน้นการนำเสนอนวัตกรรมที่โดดเด่นควบคู่กับการสื่อสารที่เข้าถึงผู้บริโภคแบบเรียวไทม์ อีกทั้งมุ่งเน้นการกระจายสินค้าที่มากขึ้น และการสร้างประสบการณ์ที่ดี ณ จุดขาย ซึ่งในปีนี้บริษัทเอ็ม.เอส.ฮานาโซโนฯ มีแผนที่จะขยายจุดขายให้ครบ 300 จุด เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ อายุ 25 ปี ขึ้นไป รวมทั้งคนที่ชื่นชอบแฟชั่น
ปัจจุบันเครื่องสำอางคาทริส มีกลุ่มสินค้าที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยแล้วกว่า 280 รายการ ล่าสุดได้เปิดตัว “Winter Collection” และ “4 Limited Edition” ที่ประกอบด้วย 1.Celtica อารมณ์โรแมนติกแบบผู้หญิง ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากแนวเซลติทำให้ลึกลับน่าค้นหา 2.Metallure เฉดสีเมทัลลิกวับวาวชวนฝัน เส้นสายและประกายระยิบระยับพร้อมประกายแสงเจิดจรัสให้ความรู้สึกเก๋ไก๋แปลกใหม่ 3.Check & Tweed แรงบันดาลใจจากไลฟ์สไตล์สาวลอนดอนเนอร์สุดชิคที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์แฝงความแสบซ่าอันเป็นเอกลักษณ์ และ 4.Luxury Lacquers สีสันที่สะท้อนจิตวิญญาณของความล้ำสมัยปลุกเร้าความโดดเด่นในตัว หรูหรา สะดุดตา เปล่งประกายบนเรียวเล็บ
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2558 บริษัท เอ็ม.เอส.ฮานาโซโนฯ มีแผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างน้อย 2 รุ่นเข้ามาทำตลาด เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า ขณะเดียวกันก็จะเดินหน้าเปิดตัวจุดขายใหม่ภายในห้างค้าปลีกเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 80 จุด จากปัจจุบันมีจุดขายอยู่ทั่วประเทศที่ประมาณ 250 จุด ซึ่งในส่วนของจุดขายใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2558 คาดว่าจะอยู่ในต่างจังหวัด 50% และในกรุงเทพฯ 50%
หลังจากออกมาเดินหน้าทำกิจกรรมส่งเสริมการขายและเปิดตัวสินค้าคอลเล็คชั่นใหม่เข้าทำตลาดอย่างต่อเนื่องบริษัท เอ็ม.เอส.ฮานาโซโนฯ มั่นใจว่าสิ้นปีเครื่องสำอางคาทริสจะมียอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 45% เหมือนช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ภาพรวมยอดขายรวมจากการทำตลาดสินค้าทั้ง 7 แบรนด์ คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%
ปัจจุบัน บริษัท เอ็ม.เอส.ฮานาโซโนฯ มีการนำเข้าเครื่องสำอางจากต่างประเทศเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยจำนวน 7 แบรนด์ ประกอบด้วย แบรนด์แคนเมค(Canmake) แบรนด์เซซานเน่(Cezanne) แบรนด์คาทิส (Catrice) แบรนด์คอสมอส (Cosmos) แบรนด์แซสตี้ (Chasty) แบรนด์มาเพเพะ (Mapepe) และแบรนด์ มิส ฮานะ ส่วนปีหน้าจะมีเครื่องสำอางแบรนด์สินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่มหรือไม่นั้น บริษัท เอ็ม.เอส.ฮานาโซโนฯ ยังขออุบไว้ก่อน
ด้าน นายอูเว ฟาเบอร์ บิลลอท ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท คอสโนว่า จีเอ็มบีเอช จำกัด กล่าวว่า ตลาดความงามในปัจจุบันว่า มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรงในทุกๆ เซกเมนต์ โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถเติบโตมากขึ้น ปัจจุบันเป็นกลุ่มบริษัทด้านความงามอันดับชั้นนำของโลก ดังนั้นจึงเดินหน้ารังสรรค์เมคอัพด้วยแรงบันดาลใจจากแบรนด์แฟชั่นระดับโลก ชูความเป็นอินโนเวทีฟแบรนด์ ที่มีหลากหลายและนำเทรนด์อยู่เสมอ
ดังนั้น ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากว่า 13 ปี บริษัท คอสโนว่าฯ จึงได้ผลรับการตอบรับที่ดีและประสบความสำเร็จในการทำตลาดกลุ่มสินค้าเมคอัพ ด้วยการมียอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี ส่งผลให้ปัจจุบันมีการส่งออกสินค้าเข้าไปจำหน่ายแล้วกว่า 70 ประเทศทั่วโลก
นายอูเว กล่าวต่อว่า กลยุทธ์ของการทำตลาดบริษัทยังคงเน้นไปที่ช่องทางจัดจำหน่ายผ่านบริษัทตัวแทนของแต่ละประเทศ และจากการที่สินค้าแต่ละแบรนด์ของบริษัทเป็นสินค้าแบรนด์ชั้นนำที่พร้อมตอบสนองไลฟ์สไตล์สาวยุคใหม่ที่หลงใหลในกลิ่นอายแห่งแฟชั่น จึงทำให้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเข้าไปทำตลาดในประเทศไหน
เช่นเดียวกับการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยมองว่าเป็นโอกาสที่ดีมาก เพราะไทยมีศักยภาพและมูลค่าตลาดความงามที่เติบโตต่อเนื่อง เชื่อว่าสามารถก้าวสู่ฮับด้านความงามของภูมิภาคในแถบอาเซียนได้แน่นอน ด้วยเหตุนี้จึงได้ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ซึ่งเป็นซีซั่น Winter 2014 ที่ล้วนแล้วแต่ได้แรงบันดาลใจการสร้างสรรค์จากโชว์ของแบรนด์แฟชั่นชื่อดังระดับโลก ที่มีทั้งในกลุ่มของ Face, Lip, Eye และ Nail มีลูกเล่นของสีสันของฤดูหนาวที่โดดเด่น ด้วยเฉดสีเงินและทองประกายเมทัลลิกโทนสีนู้ด ถือเป็นเทรนด์หลักของแฟชั่นถ่ายทอดสู่เทรนด์ความงามได้อย่างลงตัวมานำเสนอให้ผู้บริโภคชาวไทย
ปัจจุบันตลาดรวมเครื่องสำอาง มีมูลค่าประมาณ 16,918 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก แบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์แต่งหน้า 9,317 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์ตกแต่งริมฝีปาก 4,580.6 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์ตกแต่งดวงตา 2,805.9 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์ตกแต่งเล็บ 214.8 ล้านบาท ซึ่งจากแนวโน้มของสาวไทยที่ยังรักความสวยงามน่าจะทำให้ภาพรวมตลาดเครื่องสำอางเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักไปได้อีกหลายปี
ข่าวเด่น