"เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์พรีเมียร์ลีก จะลงแข่งนัดชี้ชะตาในศึก "ยูฟา แชมเปียนส์ลีก" โดยเปิด "เอติฮัด สเตเดียม" ต้อนรับ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิก ซึ่งเข้ารอบไปแล้ว
แมนฯ ซิตี้ อยู่ในอันดับบ๊วย 4 นัดมีแค่ 2 คะแนน หากแพ้นัดนี้แล้ว และคู่ โรมา - CSKA มอสโก มีผลแพ้ชนะ ทีมของกุนซือมานูเอล เปเยกรินี ก็ตกรอบแน่นอน แต่ถ้าชนะก็ยังได้ลุ้นต่อในนัดสุดท้ายซึ่งจะไปเยือนโรมา
เกมนี้ทีมเจ้าบ้านมีโอกาสที่จะได้ใช้ "ดาบิด ซิลวา" กลับมาลงเล่นได้ หลังจากล่าสุดเจ้าตัวกลับมาซ้อมได้ หลังเจ็บเข่ามาตั้งแต่เกมกับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เมื่อเดือนที่แล้ว
ขณะที่ "แวงซองต์ กอมปานี" ที่เจ็บน่องจากการเล่นให้ทีมชาติเบลเยียม ก็มีลุ้นที่จะได้กลับมาลงเล่นในเกมนี้ด้วยเช่นกัน
ส่วนทางทีม "เสือใต้" ก็ได้รับข่าวดี เมื่อ "บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์" มิดฟิลด์ชาวเยอรมนีของทีมที่เจ็บเข่า และไม่ได้ลงเล่นเลย นับตั้งแต่เสร็จสิ้นศึกฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดที่บราซิล ก็มีโอกาสจะได้ลงเล่นในเกมนี้
"นี่เป็นข่าวดีมากๆ สำหรับเราครับ เขาฟิตและน่าจะช่วยเราได้มากในเกมนี้ ผมหวังว่าเขาจะทำได้ดีในการกลับมาครั้งนี้" เป็ป กวาดิโอลา กุนซือบาเยิร์น กล่าว
ทีมตราเรือใบได้สิทธิ์ลงเตะแชมเปียนส์ลีกครั้งแรกเมื่อฤดูกาล 2012/13 ที่ผ่านมา 2 ฤดูกาลพวกเขาไม่ผ่านเข้ารอบ นี่คือ ฤดูกาลที่ 3 ซึ่งดูเหมือนผลลัพธ์จะเหมือนเดิม
แต่ละฤดูกาล แมนฯ ซิตี้ ได้รับบทเรียนในลักษณะต่างๆ อย่างฤดูกาลนี้พวกเขาลำบาก เพราะการเล่นกับ CSKA มอสโก ซึ่งถูกมองว่าจะเป็นทีมแจกแต้มนั้น เจอกัน 2 นัดแมนฯ ซิตี้ ทำได้แค่แต้มเดียว
ฤดูกาลหน้า "ยูฟ่า" จะเปลี่ยนระบบการจัดอันดับทีมวางในรอบแบ่งกลุ่ม โดยให้แชมป์ลีกสูงสุดของแต่ละประเทศอยู่ในอันดับเหนือกว่าพวกรองแชมป์หรืออันดับ 3 - 4
ถ้า "แมนฯ ซิตี้" ไม่ต้องการอยู่ในกลุ่มหนักอย่างที่ผ่านมา พวกเขาต้องไล่แซง "เชลซี" เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกให้ได้ เพราะจะได้อยู่ในกลุ่มอันดับสูงสุดแน่นอน แต่ถ้าทำไม่ได้ก็จะต้องอยู่ในกลุ่ม 3 และจะต้องจับฉลากไปพบกับทีมแข็งอีก
แมตช์นี้ จึงเป็นแมตช์สำคัญของ แมนฯซิตี้ อย่างแท้จริง
ข่าวเด่น