ดาราสาวทั้ง 7 มาให้สัมภาษณ์ด้วยกัน
นับเป็นโอกาสที่หาได้ไม่ง่ายนักที่นักแสดงสาวๆ รุ่นเก๋าทั้ง แพทริเซีย อาร์เควต ( อายุ 46 ปี) , ลอรา เดิร์น (อายุ 47 ปี) จูเลียน มัวร์ (อายุ 53 ปี) , รีส วิทเธอร์สปูน (อายุ 38 ปี) , เอมี อดัมส์ (อายุ 40 ปี) , ฮิลลารี สแวงค์ (อายุ 40 ปี) และ เฟลิซิตี โจนส์ (อายุ 31 ปี) จะมารวมตัวกัน โดยเมื่อเร็วๆ นี้ พวกเธอให้สัมภาษณ์กันในหลายๆ เรื่องที่น่าสนใจ
- อะไรคือช่วงเวลาที่คุณรู้ตัวว่ากล้าหาญที่สุดในชีวิตนักแสดงของคุณ
สแวงค์ : สำหรับฉันแล้ว คงจะเป็นตอนที่แสดงภาพยนตร์เรื่อง "Boys Don't Cry" เพราะฉันรู้สึกว่าเป็นหน้าที่อันใหญ่เรื่องนี้เป็นเรื่องโศกนาฏกรรมที่ฉันต้องการถ่ายทอดออกมาให้ดีที่สุด
วิทเธอร์สสปูน : ตอนที่ฉันรับบท เชอรีล สเตรย์ ในเรื่อง Wild และตัวจริงของเธอมายืนดูฉันแสดงอยู่ตลอดเวลา ฉันประหม่ามากค่ะในช่วง 2 - 3 วันแรก กังวลว่าจะทำได้ดีไหม สเครย์จะพอใจกับการแสดงของฉันหรือเปล่า ซึ่งตัวจริงเธอน่าทึ่งและน่ารักมาก แต่ถ้าถามว่าฉากไหนที่ยากที่สุด คือ ฉากที่ฉันต้องมีอะไรกับผู้ชาย 2 คนในเวลาเดียวกัน
มัวร์ : 2 คนในเวลาเดียวกันเหรอ (หัวเราะ)
วิทเธอร์สปูน : ฉันโทรศํพท์ไปหา "เชอรีล" ในคืนนั้นบอกว่าฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าต้องมาแสดงฉากแบบนี้ และเธอก็ตอบว่า "ขอโทษทีนะ เมื่อตอนทศวรรษปี 1990 ฉันออกจะสำส่อนไปหน่อย" (หัวเราะ) ฉากนั้น "ลอรา เดิร์น" ก็ดูอยู่และเธอเล่าประสบการณ์และแนะนำฉันด้วย
เดิร์น : ค่ะ ฉันดูอยู่ด้วย เรื่องที่เกิดกับฉัน คือ ตอนแสดงเรื่อง "Citizwn Ruth" วันนั้นเป็นวันแรกของการถ่ายทำ "อเล็กซานเดอร์ เพย์น" นักแสดงที่ต้องเข้าฉากเลิฟซีนกับฉันเดินมาบอกว่า " โอเค เราต้องเริ่มต้นด้วยฉากเลิฟซีน ผมตื่นเต้นมากเลย ผมเพิ่งไปซื้อลูกอมดับกลิ่นปากมาด้วย"
โจนส์ : สำหรับฉัน ฉันเล่นเป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงๆ ในเรื่อง "Theory Of Everything" และก็คล้ายๆที่ "วิทเธอร์สปูน" บอกไว้ค่ะ คือ เมื่อเล่นเป็นตัวจริง เราก็อยากจะทำให้ดีที่สุด ไม่อยากให้ตัวจริงเกลียดในสิ่งที่เราแสดงออกมา
- พวกคุณบางคนมีลูกแล้ว คุณจะบอกลูกอย่างไร ถ้าวันหนึ่งพวกเขาบอกคุณว่าอยากเป็นนักแสดง
วิทเธอร์สปูน : ธุรกิจบันเทิงเป็นธุรกิจที่เยี่ยมยอดมากค่ะ ฉันได้เจอกับโลกกว้าง พบผู้คนที่น่าทึ่งมากมาย ฉันเคยเสียดายที่ตัวเองไม่จบมหาวิทยาลัย แต่เมื่อราวๆ ปีที่แล้ว ฉันมาคิดอีกทีว่า ทำไมต้องเสียดายในเมื่อการเป็นนักแสดงทำให้ฉันมีชีวิตที่เยี่ยมยอด ฉันไปไหนต่อไหนมากมาย ได้ทำงานกับคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ ดังนั้นถ้าลูกๆ ของฉันอยากเป็นนักแสดง ฉันก็จะสนับสนุนเป็นกำลังใจให้พวกเขาค่ะ
มัวร์ : ฉันรู้สึกว่าน่าเป็นห่วงมากกว่า ถ้าคนหนุ่มคนสาวไม่รู้ว่าเขาอยากจะทำอาชีพอะไร ลูกชายของฉันไปเข้าแคมป์เมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา ซึ่งคนที่เป็นที่ปรึกษาโครงการหลายคนเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ลูกชายฉันมาเล่าหลังจากกลับมาว่า หลายคนยังไม่รู้ว่าอยากจะทำอาชีพอะไร ซึ่งเขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนเหล่านี้ไม่มีจุดมุ่งหมายอะไรเลย
- รีส ในปีนี้คุณประสบความสำเร็จกับการเป็นผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง Gone Girl และ Wild ที่ผ่านมามีนักแสดงชายหลายคนที่ผันตัวจากการเป็นนักแสดงมาเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ แต่นักแสดงหญิงที่ผันตัวเป็นผู้สร้างภาพยนตร์กลับมีไม่มากนัก คุณคิดว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้
วิทเธอร์สปูน : ฉันคงไม่สามารถพูดแทนคนอื่นได้ว่าทำไม ฉันมารู้เมื่อ 3 ปีที่แล้วว่า มีคนที่เป็นผู้นำในโลกของการสร้างภาพยนตร์น้อยมาก ตอนแรกฉันโกรธมาก โกรธจริงๆ ค่ะ แต่จากนั้นก็มาคิดว่านี่ไม่ใช่ความผิดใคร ฉันคิดว่าจะทำอะไรสักอย่างที่ให้ผู้หญิงคนอื่นๆ มีโอกาสในการสร้างภาพยนตร์ ฉันอยากให้ลูกสาวของฉันโตขึ้นมา และได้เห็นผู้หญิงที่น่าสนใจในวงการภาพยนตร์มากกว่านี้ หรือเธออาจจะเป็นคนสำคัญในวงการภาพยนตร์ก็ได้ ฉันเลยใช้เงินตัวเองตั้งบริษัทขึ้นมา โชคดีค่ะที่ฉันได้หุ้นส่วนที่ดีอย่าง "บรูนา พาพานเดรีย" ทำให้งานออกมาดี
ภาพยนตร์เรื่อง "Boy Don't Cry" ที่ "สแวงค์" รับบททอมบอย ยังอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน
- บทบาทในภาพยนตร์ที่พวกคุณแสดง ส่งผลกระทบต่อชีวิตส่วนตัวของคุณหรือไม่
สแวงค์ : เมื่อไม่นานมานี้ ฉันได้รับรางวัล "Outfest" จากภาพยนตร์เรื่อง "Boy Don't Cry" ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ 15 ปีมาแล้ว การพูดคุยก็เริ่มต้นด้วยประเด็นของคนที่ผ่าตัดแปลงเพศ ซึ่งเมื่อถึงจังหวะที่เปิดโอกาสให้ผู้คนพูดก็มีคนยืนขึ้นและบอกว่าเมื่อตอนเขาอายุ 19 ปี เขาสัปสนเรื่องเพศของเขา แต่เมื่อได้ดู Boy Don't Cry ทำให้เปลี่ยนชีวิตของเขา
อาร์เควต : อย่างที่หลายคนทราบกันดี ฉันมีน้องชายที่แปลงเพศมาเป็นผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง (อเล็กซิส อาร์เควต นักแสดงและนักดนตรี) ในฐานะพี่สาวแล้ว เมื่อตอนต้นของทศวรรษปี 1980 ฉันรู้สึกว่าโลกช่างเป็นสถานที่น่ากลัวสำหรับบุคคลรักเพศเดียวกัน พวกเขาถูกดูถูก บางคนถูกทำร้ายถูกฆ่า เรื่อง Boy Don't Cry จึงเป็นภาพยนตร์ที่สำคัญสำหรับฉันด้วย
- ถ้าคุณย้อนเวลากลับไปพบกับตัวคุณเองตอนอายุ 20 คุณจะบอกอะไรกับตัวเอง
โจนส์ : ฉันเคยพยายามทำให้ตัวเองร้องไห้ด้วยวิธีสารพัด เพราะคิดว่านี่คือสิ่งที่นักแสดงต้องทำ ทั้งหยิกตัวเอง ต่อยหน้าตัวเอง ต่อมาก็มาคิดได้ว่าเพียงแค่คำว่า "ร้องไห้" ในบท ไม่ได้หมายความว่าต้องทำอะไรอย่างนั้นเพื่อร้องไห้
อดัมส์ : ฉันจะบอกว่า ปล่อยให้มันเป็นไป เหมือนเพลง "Let It Go" นั่นล่ะค่ะ
เดิร์น : มิสเตอร์ไวท์ คุณครูของฉันตอนเกรด 3 เคยบอกว่า "keep your eyes on your own paper" ซึ่งหมายความว่าอย่าไปมองว่าคนอื่นกำลังทำอะไร แต่ให้สนใจเรื่องของตัวเอง
ข่าวเด่น