จากจุดเริ่มต้นของ “เบอร์ดี้” ที่เป็นผู้ริเริ่มทำตลาดกาแฟพร้อมดื่มในประเทศไทย ปัจจุบัน เบอร์ดี้ ถือเป็นผลิตภัณฑ์กาแฟพร้อมดื่มที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคคนไทยเป็นอย่างดี และส่งผลให้ เบอร์ดี้ นั่งแท่นเป็นผู้นำตลาดกาแฟพร้อมดื่มมูลค่ากว่า 11,000 ล้านบาท ด้วยการครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 70%
กว่า 20 ปีที่ผ่านมา ที่ เบอร์ดี้ ประสบความสำเร็จการทำตลาดกาแฟกระป๋องในประเทศไทย บริษัท อายิ โนะโมะโต๊ะเซลล์(ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจกาแฟพร้อมดื่ม เบอร์ดี้ ยังคงเดินหน้าพัฒนาสินค้ารสชาติใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็เดินหน้าขยายช่องทางและหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อให้มีฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น ซึ่งกลุ่มเป้าหมายที่ เบอร์ดี้ ต้องการที่จะเข้าไปขยายฐานลูกค้ามากขึ้นนับจากนี้ คือ กลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี
แนวทางธุรกิจที่วางไว้ดังกล่าว ส่งผลให้บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะฯ ต้องออกมาปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้กับกาแฟพร้อมดื่มเบอร์ดี้ ให้มีความทันสมัย และสดใสมากขึ้น เพื่อให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ ขณะเดียวกันยังได้ดึง "ณเดช คูกิมิยะ" มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับกาแฟพร้อมดื่มเบอร์ดี้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ของสินค้าใหม่สู่กลุ่มคนรุ่นใหม่
นายวีระชัย ธีรภาพพจนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อายิโน๊ะโมะโต๊ะเซลส์(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจกาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม ภายใต้แบรนด์ เบอร์ดี้ นับจากนี้ บริษัทจะหันมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น ภายหลังพบว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่หันมาบริโภคกาแฟมากขึ้น ซึ่งกาแฟที่กลุ่มผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจคือ กาแฟสด ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจ ด้วยการเปิดตัวกาแฟสดพร้อมดื่มระดับพรีเมี่ยมเข้ามาทำตลาด ภายใต้ชื่อ "เบอร์ดี้ บาริสต้า" และ "เบอร์ดี้ พริโม" ซึ่งหลังจากนำสินค้าเข้าทำตลาด พบว่าลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ให้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี
จากผลตอบรับที่ดีดังกล่าว ในปีหน้าบริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันเบอร์ดี้มีสินค้าเข้าทำตลาดทั้งในรูปแบบมาตรฐานและพรีเมี่ยม ซึ่งจะเป็นกาแฟสดรวม 9 รสชาติ เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น ขณะเดียวบริษัทยังมีแผนที่จะเปิดตัวโมเดลการทำตลาดกาแฟพร้อมดื่มเบอร์ดี้รูปแบบใหม่ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่บริษัทจะเน้นเข้ามาทำตลาดมากขึ้น คาดว่าภายในปีหน้าจะพร้อมเปิดตัวโมเดลธุรกิจใหม่เข้าทำตลาดอย่างเป็นทางการ
สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจกาแฟพร้อมดื่มเบอร์ดี้นับจากนี้ จะเน้นไปที่ 4 กลุยทธ์หลัก คือ 1.การทำภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ใหม่ของเบอร์ดี้ ที่จะเน้นการสื่อสารให้ผู้บริโภคได้ทราบถึงรสชาติของสินค้าที่เข้มข้น กลมกล่อม และบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย 2. เบอร์ดี้ ในภาพ "ภาพลักษณ์ใหม่" เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้มีชีวิตชีวา กระฉับกระเฉงและทันสมัยมากขึ้น เบอร์ดี้จึงได้มีการปรับบรรจุภัณฑ์ใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสินค้าที่ปรับปรุง ด้วยการเน้นให้เห็นน้ำกาแฟที่นอกจากจะดูน่าดื่มแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงความเข้มข้นในรสชาติอีกด้วย
3. การแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ เพราะเข้าใจในความหลากหลายของผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม เบอร์ดี้จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ และรสชาติให้ถูกปากและตรงกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย เช่น เบอร์ดี้ บาริสต้า เป็นกาแฟที่ผลิตขึ้นมาจากเมล็ดกาแฟสายพันธ์ระดับพรีเมี่ยมอย่างอาราบิก้า ในรูปแบบช็อต รสชาติเข้ม และเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า จึงพัฒนา 2 รสชาติให้ผู้บริโภคได้เลือก คือ เอสเปรสโซ่ช็อต และ ลาเต้ช็อต
ส่วน เบอร์ดี้ พริโม พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ชื่นชอบกาแฟรสนุ่มอร่อยลงตัว เหมาะกับผู้หญิงวัยทำงานที่ไม่ต้องการกาแฟรสเข้มเกินไป มีให้เลือก 2 รสชาติเช่นกัน คือ เอสเปรสโซ่ และลาเต้
สำหรับกลยุทธ์ที่ 4 คือ การทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาด บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะฯ ได้แบ่งเป็น 4 กิจกรรม คือ การทำกิจกรรมในภาพรวมของเบอร์ดี้ การสร้างแบรนด์เอ็นเกดเม้นท์ผ่านสื่อในช่องทางต่างๆ การโปรโมทสินค้าใหม่ และการทำกิจกรรมเพื่อสังคม
อย่างไรก็ดี เพื่อให้การทำตลาดเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ฯ ได้วางแผนจัดกิจกรรมทางการตลาดกาแฟพร้อมดื่มเบอร์ดี้ เพื่อสื่อสารให้ตรงกับกลุ่มผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ด้วยภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ภายใต้แนวคิด “เบอร์ดี้” กาแฟพร้อมดื่ม ที่มีรสชาติเข้มข้น กลมกล่อม ตัวจริง พร้อมเตรียมงบอีก 1,000 ล้านบาท เพื่อทำกิจกรรมการตลาดในปี 2558 ซึ่งงบที่เตรียมไว้ดังกล่าว ถือว่าสูงสุดในรอบกว่า 20 ปี ที่กาแฟพร้อมดื่มเบอร์ดี้ เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย
ล่าสุด “เบอร์ดี้” เปิดตัว “Birdy Barista” กาแฟในรูปแบบช็อต จากเมล็ดกาแฟระดับพรีเมี่ยมพันธุ์อาราบิก้าเพื่อความสะดวกรวดเร็วในช่วงเวลาเช้าอันเร่งรีบของคนทำงาน มีให้เลือก ทั้งเอสเปรสโซ่ช็อต และ ลาเต้ช็อต และ Birdy Pri-Mo” สำหรับผู้หญิงทำงานที่ชื่นชอบกาแฟรสนุ่มอร่อย กลมกล่อมลงตัวจำนวน 2 รสชาติ คือ เอสเปรสโซ่ และ ลาเต้ เข้ามาทำตลาดเพิ่มเติม เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า
แม้ว่าแนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะฯ จะเน้นการทำตลาดเพื่อขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ แต่ในส่วนของฐานลูกค้าเก่า ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป ก็ยังคงรักษาฐานผู้บริโภคเดิมไว้ โดยการเลือกช่องทางการสื่อสารให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายในแต่ละกลุ่ม ทั้งสื่อโทรทัศน์ สื่อเคเบิ้ลทีวี สื่อวิทยุ และสื่อกลางแจ้ง พร้อมจัดกิจกรรมให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของแต่ละกลุ่ม
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น การจัดโปรโมชั่นใน 7-Eleven เพื่อให้ผู้บริโภค ได้ทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ และยังได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ณ จุดขายในต่างจังหวัดและตามเทศกาลสำคัญ ตลอดจนกิจกรรมร่วมรณรงค์ขับขี่ปลอดภัยในช่วงเทศกาลต่างๆ ซึ่งหลังจากออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายดังกล่าว เบอร์ดี้ มั่นใจว่าจะสามารถรักษาฐานลูกค้าใหม่ และรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้ได้อย่างแน่นอน
นายวีระชัย กล่าวอีกว่า ในส่วนของตลาดต่างประเทศ ปีหน้าบริษัทก็มีแผนที่จะเข้าไปขยายธุรกิจอย่างจริงจังเช่นกันโดยเฉพาะกลุ่มประเทศอินโดจีน โดยขณะนี้ได้เริ่มส่งสินค้าเข้าไปทำตลาดบ้างแล้วที่ประเทศพม่า ลาว และ กัมพูชา ซึ่งก็ได้ผลการตอบรับจากลูกค้าเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากกลุ่มประเทศดังกล่าวยอมรับสินค้าที่มาจากประเทศญี่ปุ่น
หลังจากบริษัทเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ มั่นใจว่าสิ้นปี 2558 จะมีรายได้จากกาแฟพร้อมดื่มเบอร์ดี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% อย่างแน่นอน เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่มีรายได้เติบโตที่ประมาณ 6% ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ว่าต้นปีจะมีปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองเกิดขึ้น
ปัจจุบันตลาดรวมกาแฟพร้อมดื่มในประเทศไทยมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 11,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดกาแฟกระป๋อง 95% และกาแฟแบบขวดพีอีที 5% ซึ่งในส่วนของเบอร์ดี้มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ในกาแฟกระป๋องอยู่ที่ประมาณ 70% ส่วนที่เหลืออีก 30% เป็นส่วนแบ่งการตลาดของผู้เล่นในตลาดรายอื่นๆ อีกประมาณ 2-3 ราย
จากแนวโน้มของการบริโภคกาแฟของผู้บริโภคชาวไทยที่หันมาบริโภคกาแฟพร้อมดื่มมากขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3 กระป๋องต่อปี เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ซึ่งมีอัตราส่วนการบริโภคอยู่ที่ประมาณ 2.8 กระป๋องต่อปี เบอร์ดี้ มั่นใจว่าการออกมาปรับภาพลักษณ์ใหม่สินค้า และออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย รวมไปถึงการเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ เบอร์ดี้ คงความเป็นผู้นำตลาดต่อไป
โดยในส่วนของปี 2558 เบอร์ดี้ มั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด จาก 70% เป็น 72% ได้อย่างแน่นอน และจากแนวโน้มที่ดีดังกล่าว บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะฯ แย้มมาว่า ในอีก 3 ปีนับจากนี้ อาจต้องใช้งบลงทุนอีกก้อนโต เพื่อขยายโรงงานผลิตกาแฟพร้อมดื่มเบอร์ดี้ เพิ่มอีก 1 แห่ง เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต
ข่าวเด่น