"ควอลิตี้เฮ้าส์"จับตาทิศทางดอกเบี้ย ชี้หากดอกเบี้ยปรับขึ้น กระทบกำลังซื้อบ้านทันที เดินหน้าลงทุนโครงการใหม่ 40,000 ล้านบาท ขยายตลาดต่างจังหวัด รับความต้องการซื้อ
นายรัตน์ พานิชพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัญหาภาระหนี้ครัวเรือนภาคประชาชนที่เพิ่มสูงขึ้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการขายอสังหาริมทรัพย์แต่อย่างใด เห็นได้จากยอดขายของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เพิ่มขึ้นทุกราย ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการไปชิงส่วนแบ่งทางการตลาดจากผู้ประกอบการรายเล็กมา
อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาดูทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างชัดเจน เพราะทำให้กำลังซื้อลดลง จากที่คาดว่าจากนี้ไปถึงกลางปีหน้าดอกเบี้ยมีทิศทางที่ลดลง แต่หากพ้นกลางปีหน้าดอกเบี้ยอาจจะเพิ่มขึ้น และจะทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อ
ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัทขยายการลงทุนไปในต่างจังหวัดมากขึ้น ซึ่งได้เปิดโครงการใหม่ในต่างจังหวัด จำนวน 13 โครงการ มีมูลค่าโครงการรวมประมาณ 9,000 ล้านบาท เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ศักยภาพที่เป็นทำเลที่อยู่อาศัย ย่านธุรกิจ นิคมอุตสาหกรรม และท่องเที่ยว แบ่งเป็นการลงทุนในจังหวัดเชียงใหม่ 3 โครงการ เป็นบ้านเดี่ยว 2 โครงการ และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ เชียงราย 1 โครงการ เป็นคอนโดมิเนียม เพชรบุรี 1 โครงการ เป็นคอนโดมิเนียม ชลบุรี 7 โครงการ เป็นบ้านเดี่ยว 3 โครงการ ทาวน์เฮาส์ 1 โครงการ และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ นครปฐม 1 โครงการ เป็นทาวน์เฮาส์
โดยตั้งเป้ารายได้จากโครงการต่างจังหวัดจะเพิ่มขึ้นเป็น 15% ของรายได้รวมจากอสังหาริมทรัพย์ มากกว่าปี 2556 ที่มีรายได้จากโครงการในต่างจังหวัดคิดเป็น 9%
บริษัทได้วางเป้าหมายปีหน้าว่าจะเปิดโครงการใหม่ทั้งในเขตกรุงเทพ ปริมณฑล และต่างจังหวัด มากกว่า 30 โครงการ รวมมูลค่ามากกว่า 40,000 ล้านบาท จากที่ปีนี้ที่เปิดตัว 29 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 24,500 ล้านบาท แบ่งเป็นในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล 16 โครงการ และต่างจังหวัด 13 โครงการ ซึ่งคาดว่าจะมียอดขายมากกว่า 20,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 19,400 ล้านบาท โดยจะเน้นเปิดตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น จากสัดส่วนปีนี้ 15% เป็น 22% และเน้นตลาดระดับกลางมากถึง 40% ส่วนระดับล่าง 35% และระดับบนมีเพียง 25% ขณะนี้ซื้อที่ดินไว้แล้ว รวมมูลค่า 7,500 ล้านบาท และปีหน้าจะใช้งบซื้อที่ดินกว่า 8,000 ล้านบาท
ด้านผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2557 บริษัทฯและบริษัทย่อย มีรายได้รวมทั้งสิ้น 6,472 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2556 จำนวน 1,129 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตขึ้น 21% แบ่งเป็นรายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดินและคอนโดมิเนียม 6,163 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1,163 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23% รายได้จากค่าเช่าและค่าบริการ 266 ล้านบาท และรายได้อื่นอีก 43 ล้านบาท โดยในไตรมาส 3 ปีนี้ มีกำไรสุทธิ 1,070 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 21% สำหรับรายได้รวมสะสม 9 เดือนเป็น 16,288 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 9% กำไรสะสม 9 เดือนเพิ่มเป็น 2,680 ล้านบาท เติบโตขึ้น 4%
ส่วนกระแสตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีการควบรวมกิจการกันนั้น หากนักลงทุนรายใดสนใจที่จะมาควบรวมกิจการ หรือขอซื้อกิจการในราคาที่ไม่สามารถปฎิเสธได้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้ถือหุ้น แต่ในส่วนของบริษัทขณะนี้ ยังไม่มีความคิดเกี่ยวกับกระแสการควบรวม หรือร่วมลงทุนแต่อย่างใด
ข่าวเด่น