.jpg)
นายอุดมศักดิ์ โรจน์วิบูลย์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานธุรกิจขนาดกลาง ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ธนาคารได้วางระบบการพิจารณาสินเชื่อในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี)ใหม่ เพื่อให้มีความรวดเร็วมากขึ้นในการรองรับการรุกตลาดสินเชื่อเอสเอ็มอีในปี 2558 โดยเฉพาะสินเชื่อเอสเอ็มอีในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางหรือที่มียอดขายไม่เกิน 500 ล้านบาท หรือวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 100 ล้านบาท โดยธนาคารต้องการเพิ่มสินเชื่อในกลุ่มนี้ เนื่องจากเป็นกลุ่มธุรกิจที่สามารถเติบโตได้ดีและมีโอกาสที่สร้างรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยให้เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
“ปัจจุบันยอดสินเชื่อคงค้างของธุรกิจเอสเอ็มอีอยู่ที่ 3.6 แสนล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 10 % โดยสัดส่วน 60 % เป็นสินเชื่อเอสเอ็มอีในกลุ่มธุรกิจขนาด L หรือกลุ่มที่มียอดขาย 500 - 1 พันล้านบาท ขณะที่ 40 % เป็นสินเชื่อเอสเอ็มอีในกลุ่มขนาด M และ S ที่ธนาคารต้องการเพิ่มสัดส่วนให้เป็น 60 % ของสินเชื่อเอสเอ็มอีในอีก 2 ปีข้างหน้า”นายอุดมศักดิ์กล่าว
นายสุภกิจ บุญเลี้ยง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารกลุ่ม กลุ่ม Loan Factory สำหรับสินเชื่อธุรกิจขนาดกลาง สายงานธุรกิจขนาดกลาง ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การปรับปรุงระบบการทำงาน หรือ KTB transformation ได้มีการทำระบบวิเคราะห์สินเชื่อใหม่ที่มีชื่อว่า "QCA" จะช่วยให้การวิเคราะห์สินเชื่อมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสามารถรู้ผลได้เร็วขึ้น 80 % จากเดิม หรือสามารถรู้ผลภายได้ 9-10 วันเร็วกว่าเดิมที่ต้องใช้เวลา 30 -50 วัน
โดยธนาคารได้เริ่มทดลองระบบใหม่เมื่อเดือนมิถุนายน – ตุลาคม ที่ผ่านมา และสามารถอนุมัติสินเชื่อเอสเอ็มอีขนาดกลางไปแล้วกว่า 3 หมื่นล้านบาท และพบว่ามีหนี้เสียที่เกิดขึ้นใหม่เพียง 1 ราย โดยเกิดจากการตกแต่งบัญชีของผู้ขออนุมัติ และในวงเงินที่อนุมัติใหม่มีการเบิกใช้ภายใน 90 วันสูง 80 % มากกว่าก่อนหน้าที่จะมีการใช้วงเงินจริง 60% ซึ่งนับว่าเป็นผลที่น่าพอใจ ทำให้ในปี 2558 ธนาคารจะเข้าทำตลาดในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางอย่างจริงจัง โดยธนาคารกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาเพิ่มวงเงินอนุมัติในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางจาก 100 ล้านบาทเป็นไม่เกิน 200 ล้านบาท เพื่อให้สามารถแข่งขันได้
ข่าวเด่น