ดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนสุดท้ายของปี 2557 ถือได้ว่าไม่สดใสเหมือนช่วงที่ผ่านมา การปรับตัวลงรอบนี้ เป็นการปรับในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก ที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลัก คือ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงอย่างรุนแรง
ซึ่ง นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์ดังกล่าวว่า นักลงทุนไม่ควรตกใจ เพราะเป็นไปตามภาวะตลาดต่างประเทศที่มีปัจจัยลบเข้ามากระทบ ขณะที่ในประเทศเองก็ไม่มีปัจจัยบวกเข้ามากระตุ้น ทำให้ดัชนีปรับลดลง
ด้านมุมมอง นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เห็นว่า สาเหตุที่ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงมาก เพราะได้รับผลกระทบจากภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาไม่ดี ประกอบกับราคาน้ำมันปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อบริษัทกลุ่มน้ำมัน และบริษัทพลังงานต่างๆ ทั่วโลก แม้จะมีหุ้นบางกลุ่มที่ได้รับผลดี จากการที่น้ำมันปรับตัวลดลง ได้แก่ หุ้นกลุ่มสายการบิน ที่ปรับขึ้นวันนี้ ได้แก่ หุ้นสายการบินนกแอร์ (NOK) และ บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) แต่ในหุ้นกลุ่มนี้เป็นหุ้นที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก จึงไม่สามารถดึงตลาดขึ้นบวกได้
ส่วน นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย เชื่อดัชนีหุ้นที่ปรับตัวลง เป็นการปรับฐานระยะสั้นเพียงเท่านั้น และคาดว่าจะไม่ลดลงต่ำกว่า 1,500 จุด ซึ่งภาพรวมถือว่า ตลาดมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ถือเป็นจังหวะที่ดีเพื่อให้นักลงทุนปรับพอร์ตในช่วงสิ้นปี โดยให้เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่เป็นหลัก ถึงแม้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ต่ำกว่าที่คาด แต่ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนยังถือว่าอยู่ในระดับแข็งแกร่งพอสมควร
ขณะที่ นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเชียพลัส เห็นว่า ที่หุ้นปรับตัวลดลงมากในปีนี้ แรงขายส่วนใหญ่มาจากกองทุน ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง และยังไม่รู้ว่าจะมีจุดต่ำสุดที่ราคาเท่าไร ส่งผลกระทบต่อกลุ่มพลังงานที่จะมีผลต่อผลประกอบการของหุ้นกลุ่มพลังงานในไตรมาส 4 ที่อาจจะทรงตัวหรือทรุดตัว จึงแนะนำนักลงทุนลงทุนระยะกลางถึงระยะยาวว่า หากดัชนีลงต่ำกว่า 1,500 จุด ให้ทยอยสะสมได้ โดยแนะนำหุ้นกลุ่มขนส่ง ท่องเที่ยว ค้าปลีก และสื่อสาร
ข่าวเด่น