"หัวเว่ย"บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติจีนที่น้อยคนนักจะไม่รู้จักในปัจจุบัน เพราะเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายและโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของจีน เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์และติดตั้งงานโครงสร้างพื้นฐานของระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่อันดับสองของโลก รองจากอีริกสันและเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและแทบเล็ต ที่มีพนักงานอยู่มากกว่า 1 แสนคนทั่วโลก เป็นบริษัทที่มุ่งผลิตสินค้าคุณภาพจึงให้ความสำคัญกับงานวิจัยและพัฒนาเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้บริษัทจีนแห่งนี้คว้ารางวัลมามากมาย ล่าสุดเพิ่งรั้งรางวัล“อินเตอร์แบรนด์” เป็น 1 ใน 100 แบรนด์สินค้าที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2557 จากการจัดอันดับโดยบริษัทอินเตอร์แบรนด์ ที่ปรึกษาด้านแบรนด์ชั้นนำของโลกที่มีสำนักงานอยู่ 33 แห่งใน 27 ประเทศ
ทั้งนี้ "หัวเว่ย" ก้าวเข้ามาอยู่ในอันดับที่ 94 และนับเป็น 1 ใน 5 แบรนด์ใหม่ที่ก้าวเข้าสู่ทำเนียบ 100 แบรนด์สินค้าที่ดีที่สุดในโลกเป็นครั้งแรก อีกทั้งยังเป็นแบรนด์สัญชาติจีนแบรนด์แรกที่ได้รับการจัดอันดับโดยอินเตอร์แบรนด์ ที่เริ่มจัดอันดับแบรนด์สินค้าที่ดีที่สุดในโลกมาตั้งแต่ปี 2542
นาย วิลเลียม ซวี ประธานบริหารฝ่ายกลยุทธ์การตลาดของหัวเว่ย กล่าวว่า รางวัลนี้เป็นผลมาจากแบรนด์หัวเว่ยเกิดขึ้นจากความเชื่อมั่นของลูกค้า การช่วยสร้างคุณค่าและสนับสนุนให้ลูกค้าประสบความสำเร็จ คนทั่วไปรู้จักแบรนด์หัวเว่ยจากคุณค่ารวมของแบรนด์ที่มาจากผลิตภัณฑ์ บริการ และพนักงาน ซึ่งหัวเว่ยจะมุ่งมั่นทำต่อไปเพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับทั่วโลก”
ด้าน นายเจซ แฟรมป์ตัน ประธานกรรมการของอินเตอร์แบรนด์ ที่มอบรางวัลแบรนด์ทรงคุณค่าที่ดีที่สุดให้แก่หัวเว่ย กล่าวว่า “รอแบรนด์สัญชาติจีนมาหลายปีที่จะเข้ามาอยู่ในทำเนียบของเรา จึงขอแสดงความยินดีกับหัวเว่ยในฐานะแบรนด์สัญชาติจีนรายแรกที่ก้าวเข้าสู่ทำเนียบ 100 แบรนด์สินค้าที่ดีที่สุดของโลก ประจำปี 2557”
สำหรับทำเนียบ 100 แบรนด์สินค้าที่ดีที่สุดในโลกของอินเตอร์แบรนด์ เป็นการจัดอันดับแบรนด์อันทรงคุณค่าที่สุดของโลก โดยมีเกณฑ์พิจารณาเบื้องต้น 2 ข้อ คือ มีกำไรมากกว่า 1 ใน 3 และมีคนรู้จักแบรนด์ทั่วโลก
นายวิลเลียมกล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 27 ปีที่ผ่านมา หัวเว่ยมุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้า ช่วยสร้างคุณค่าและสนับสนุนให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จ กลยุทธ์นี้ทำให้เราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วโลก ปัจจุบัน หัวเว่ยจัดหาผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และโซลูชั่นให้กับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือชั้นนำ 45 รายจากทั้งหมด 50 รายทั่วโลก
นอกจากนี้บริษัทยังได้สนับสนุนให้มีการใช้เทคโนโลยี 4G และเป็นผู้นำในความพยายามที่จะกำหนดมาตรฐานเทคโนโลยี 5G เพื่อให้อุตสาหกรรมมีความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2556 หัวเว่ยเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับ3 ของโลกในด้านยอดขาย โดยเฉพาะรุ่นสเปคสูง อาทิ รุ่น Ascend P7, Ascend Mate 7 และ Honor 6 ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ตลาดเอนเตอร์ไพรส์หัวเว่ยเริ่มได้รับความไว้วางใจจากพันธมิตรและลูกค้าทั่วโลกมากขึ้นเช่นกัน
“แบรนด์หัวเว่ยเติบโตขึ้นมากและขยายสาขาไปทั่วโลก โดยในช่วงแรก หัวเว่ยเริ่มแข่งขันกับแบรนด์ต่างชาติในจีนที่เป็นบ้านของตัวเองก่อน จากนั้นเริ่มลงทุนใน 3 ด้านหลัก คือ วิจัยและพัฒนาในระยะยาว คิดค้นนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง และแข่งขันอย่างจริงจังในตลาดโลก ปัจจุบัน หัวเว่ยมีสาขาตั้งอยู่ในกว่า 170 ประเทศทั่วโลก และรายได้ร้อยละ 65 ของหัวเว่ยมาจากตลาดต่างประเทศ
นอกจากนี้บริษัทยังมีโครงข่ายวิจัยและพัฒนากระจายอยู่ทั่วโลก และศูนย์นวัตกรรมความร่วมมือ 28 แห่งที่จัดตั้งขึ้นด้วยความร่วมมือกับลูกค้า รวมทั้งศูนย์วิจัยอีก 16 แห่ง เพื่อวิจัยและสร้างความก้าวหน้าทางนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีต่างๆ กว่าทศวรรษที่ผ่านมา หัวเว่ยจัดสรรงบลงทุนสำหรับการวิจัยและพัฒนาเป็นตัวเลขสูงถึง 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯและมีพนักงานกว่า 150,000 คน จาก 150 ประเทศทั่วโลก ให้บริการประชากรประมาณ 1 ใน 3 ของโลก ด้วยการลงทุนและการให้บริการแก่ชุมชนท้องถิ่นที่หัวเว่ยเข้าไปดำเนินการนี้เอง แบรนด์ของหัวเว่ยจึงได้หยั่งรากลงในตลาดทั่วโลก”
พร้อมย้ำว่า “วิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยมเท่านั้นที่จะสามารถสร้างสรรค์แบรนด์ได้ ซึ่งหัวเว่ยมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจโลจิสติกส์ดิจิตอล และสร้างโลกที่เชื่อมต่อกันได้ดีขึ้นผ่านความร่วมมือจากพันธมิตรในอุตสาหกรรม ในราคาที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ รวมถึงการเพิ่มนวัตกรรมความคล่องตัวให้ดีขึ้น ด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีไอซีทีที่ทันสมัย ทั้งนี้หัวเว่ยมีพันธกิจที่จะขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางสังคมและสร้างโลกที่เชื่อมต่อกันได้ดีขึ้น สำหรับการเชื่อมต่อเต็มรูปแบบระหว่างคนและคน ระหว่างผู้คนและสิ่งของ และระหว่างสิ่งของและสิ่งของด้วย”
เป็นที่น่ายินดีกับหัวเว่ยไม่น้อยกับการได้ขึ้นทำเนียบ 1 ใน 100 ของอินเตอร์แบรนด์ เพราะแม้จะไม่ได้เป็นแบรนด์ดังเหมือนค่ายแอปเปิลหรือซัมซุง แต่การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นก้าวย่างที่สะท้อนให้เห็นว่า บริษัทสัญชาติจีนแห่งนี้พร้อมที่จะผงาด บนเวทีโลกได้เสมอ...หากยักษ์ใหญ่ต่าง ๆ เผลอย่ำอยู่กับที่....
ข่าวเด่น