คลังเผยยอดจัดเก็บรายได้รัฐบาลเดือน 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 58 สูงกว่าเป้าหมาย 6.5 พันล้านบาท คาดทั้งปีจัดเก็บได้ตามเป้า แม้ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา 3 กรมภาษีจะจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายแล้ว 5.2 พันล้านบาท โดยรัฐบาลจะมีรายได้จากการปรับขึ้นภาษีน้ำมันดีเซลเข้ามาทดแทน
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เปิดเผยผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558ว่า สามารถจัดเก็บได้จำนวน 3.35 แสนล้านบาท เกินกว่าเป้าหมายจำนวนประมาณ 6.5 พัน
“ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ยอดการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลต่ำกว่าเป้าหมายจำนวนประมาณ 3 พันล้านบาท ส่วนเดือนตุลาคมมียอดจัดเก็บรายได้เกินกว่าเป้าหมายจำนวนกว่า 8 พันล้านบาท ทำให้ยอดจัดเก็บรายได้รวมยังเกินกว่าเป้าหมาย”
ทั้งนี้ ยอดการจัดเก็บรายได้ในเดือนพฤศจิกายนที่ต่ำกว่าเป้าหมายเกิดจาก การจัดเก็บรายได้ใน 3 กรมจัดเก็บที่ต่ำกว่าเป้าหมายทุกกรมรวมจำนวน 5.2 พันล้านบาท กล่าวคือ กรมสรรพากรจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าจำนวน1.9 พันล้านบาท , กรมสรรพสามิตจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 3 พันล้านบาท และ กรมศุลกากรจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 1.3 พันล้านบาท อย่างไรก็ดี รัฐวิสาหกิจสามารถนำส่งรายได้เข้ารัฐได้สูงถึง 1.3 หมื่นล้านบาท
นายกฤษฎา กล่าวด้วยว่า หากแยกในรายละเอียดในรายการจัดเก็บภาษีที่สำคัญใน 2 เดือนแรกของการจัดเก็บ จะพบว่า การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสูงกว่าเป้าหมายจำนวนประมาณ 2 พันล้านบาท ผลจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าจากการบริโภคสะท้อนการบริโภคภายในประเทศที่ดีขึ้น ส่วนการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้านั้น ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเป้าหมาย
ส่วนการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้น ต่ำกว่าเป้าหมายจำนวนประมาณ 5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามผลประกอบการในช่วง 6 เดือนแรกของปีที่ต่ำลงจากปัญหาภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้น ส่วนการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้น สูงกว่าเป้าหมายประมาณ 2 พันล้านบาท
ด้านการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสินค้ารถยนต์ ยังต่ำกว่าประมาณการต่อเนื่อง โดย 2 เดือนแรกของปีต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 3 พันล้านบาท ขณะที่ ภาษีสรรพสามิตสินค้ายาสูบยังสูงกว่าประมาณการจำนวน 2.6 พันล้านบาท
แม้ในเดือนพฤศจิกายน การจัดเก็บจะต่ำกว่าประมาณการ แต่ในภาพรวม 2 เดือนถือว่า รัฐบาลยังจัดเก็บได้เกินกว่าเป้าหมาย ส่วนแนวโน้ม ก็มองว่า หากรัฐบาลมีรายได้จากการปรับเพิ่มอัตราภาษีน้ำมันดีเซล ก็จะช่วยให้การจัดเก็บรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 2.325 ล้านล้านบาท
ข่าวเด่น