ธนาคารแห่งประเทศไทยเผยแพร่รายงานประเมินเสถียรภาพระบบการเงินไทย ซึ่งจัดทำขึ้นปีละครั้งเพื่อสื่อสารให้องค์กรต่าง ๆ และสาธารณชนตระหนักถึงความเสี่ยงของระบบการเงินไทย และใช้เป็นโอกาสในการวางแผนเพื่อปรับตัวและเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยสาระสาคัญของรายงานประเมินเสถียรภาพระบบการเงินประจาปี 2557 สรุปได้ดังนี้
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2557 ยังมีความเปราะบางและแตกต่างกันในแต่ละประเทศ โดยเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรขยายตัวในเกณฑ์ดี ขณะที่กลุ่มประเทศยูโร ญี่ปุ่น และจีน มีความเสี่ยงที่จะขยายตัวชะลอลงและยังต้องติดตามผลของวิกฤติการเงินรัสเซียในช่วงปลายปี
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงมากส่งผลบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมผ่านอัตราเงินเฟ้อและต้นทุนที่ลดลง เศรษฐกิจไทยทั้งปีขยายตัวชะลอลงจากอุปสงค์ในประเทศที่ลดลงและการส่งออกที่ทรงตัว ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทย เริ่มกลับมาฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ตั้งแต่ปลายไตรมาส 2 ภายหลังจากการเมืองมีความชัดเจนขึ้น การขยายตัวของ หนี้ครัวเรือนชะลอลงต่อเนื่อง ความเสี่ยงจากการเก็งกำไรในภาคอสังหาริมทรัพย์อยู่ในระดับต่ำและเสถียรภาพเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ดี
อย่างไรก็ตาม การก่อหนี้ที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจขนาดใหญ่บางราย ส่วนหนึ่งจากการขยายธุรกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขัน อาจทำให้อ่อนไหวต่อปัจจัยต่าง ๆ มากขึ้น ความผันผวนในตลาดการเงินไทยลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน เงินทุนไหลกลับเข้ามาหลังความไม่แน่นอน ทางการเมืองลดลงแต่โดยรวมตลอดทั้งปียังเป็นยอดขายสุทธิ โดยเงินบาทโน้มอ่อนค่าในช่วงครึ่งหลังของปี ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับสูงขึ้นจากแรงซื้อของนักลงทุนในประเทศ ระบบธนาคารพาณิชย์มีเสถียรภาพ ความสามารถในการหารายได้อยู่ในเกณฑ์ดี เงินกองทุนและเงินสารองอยู่ในระดับสูง จึงยังสามารถขยายสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ความเสี่ยงต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินไทยในปัจจุบัน ที่ได้รับการติดตามและดูแลอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ระดับหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นสูงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แม้อัตราการขยายตัวจะชะลอลงและผลกระทบต่อระบบสถาบันการเงินไทยยังค่อนข้างจำกัด แต่หนี้ที่สะสมอยู่ในระดับสูงอาจส่งผลต่อการบริโภคและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยได้ จึงควรให้ความสำคัญกับการบริหารรายได้รายจ่ายและวินัยทางการเงินของครัวเรือน ควบคู่กับการพัฒนากลไกตลาดให้สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การขยายสมาชิกของบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ คุณภาพสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ด้อยลงบ้างตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะลูกหนี้ ที่มีธุรกิจขนาดเล็กที่เกี่ยวเนื่องกับการบริโภคในประเทศและลูกหนี้รายย่อยที่กู้เพื่อการใช้จ่ายส่วนบุคคลและรถยนต์มือสอง
ด้านตลาดหลักทรัพย์ไทยเริ่มเห็นสัญญาณการเก็งกาไรในหุ้นขนาดเล็กในตลาด mai จึงเกิดความกังวลว่านักลงทุนอาจประเมินความเสี่ยงต่ากว่าที่ควรจะเป็น อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงดังกล่าวยังจากัดเนื่องจากมูลค่าหุ้นในตลาด mai ยังไม่มากและทางการได้ออกมาตรการเพื่อดูแลเสถียรภาพในตลาดหลักทรัพย์อย่างต่อเนื่อง
ความเสี่ยงต่อเสถียรภาพระบบการเงินไทยที่อาจเกิดขึ้นในระยะปานกลาง ได้แก่ ความเสี่ยงจาก ความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลัก รวมถึงโอกาสที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพคล่องในระบบการเงินโลกอย่างรวดเร็วและรุนแรงกว่าที่คาด ซึ่งอาจส่งผลให้เงินทุนเคลื่อนย้ายและตลาดการเงินในเอเชียมีความผันผวนมากขึ้น แต่คาดว่าผลกระทบต่อตลาดการเงินของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชียรวมถึงไทยไม่น่าจะมากนัก เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐาน ทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี น
นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากภาคการคลังของไทย ซึ่งแม้ในระยะสั้นยังไม่น่ากังวลเนื่องจากระดับหนี้สาธารณะต่ากว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลัง แต่ความเสี่ยงในระยะยาว เพิ่มขึ้นจากโครงสร้างรายรับที่ค่อนข้างคงที่และมีแนวโน้มที่จะลดลงในอนาคตหากรัฐยังคงใช้ภาษีเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่รายจ่ายมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ดังนั้น การเร่งปฏิรูปโครงสร้างภาคการคลังซึ่งภาครัฐอยู่ระหว่างดำเนินการ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อเสถียรภาพภาคการคลังได้ในอนาคต
ข่าวเด่น