ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ ต่างก็มั่นใจว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2558 จะขยายตัวได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2557 ที่ผ่านมา โดยน่าจะเติบโตได้ในอัตรา 4 - 4.5% เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่เติบโตไม่ถึง 1% แต่การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ยังเป็นสิ่งที่ท้าทาย
แม้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี จะเชื่อว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้ถึง 4.5% โดยการบริหารงานเศรษฐกิจในปี 2558 จะดำเนินการใน 3 ด้าน เป็นหลัก ซึ่งเป็นการพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งการบริโภคภาคครัวเรือน การลงทุนภาคเอกชน และการลงทุนภาครัฐ โดยเรื่องการบริโภคภาคครัวเรือนมั่นใจว่า จากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งผลจากการให้เงินชาวนาและชาวสวนยาง จะส่งผลให้ประชาชนมีเงินเพิ่มเพื่อใช้จับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันการลงทุนภาครัฐ เช่นเดียวกับการลงทุนภาคเอกชน ที่รัฐบาลได้ปลดล็อคใบอนุญาตประกอบกิจการ (รง.4) จะทำให้มีเงินเข้ามาในระบบเศรษฐกิจ วงเงินลงทุนรวมกว่า 3 แสนล้านบาท
ขณะที่ นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL มองว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2558 น่าจะขยายตัวได้ประมาณ 3-4% ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำกว่าศักยภาพของไทย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโครงการประชานิยมที่ยังคงกดดันการบริโภคและการใช้จ่ายภาคครัวเรือน ดังนั้นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ในปี 2558 จึงมาจากการใช้จ่ายของภาครัฐ การลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตามองในปี 2558 มาจากปัจจัยต่างประเทศ ได้แก่ การที่เศรษฐกิจจีนมีอัตราการเติบโตต่ำกว่าที่คาด ในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐกลับมามีความเข้มแข็งมากขึ้นอาจจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยไปจีน และต้องติดตามนโยบายการเงินของธนาคารกลางกลุ่มประเทศจี 3 คือ สหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น เพราะมีนโยบายแตกต่างกันส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน เงินทุนเคลื่อนย้ายในปี 2558 ให้มีความผันผวน
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2558 น่าจะเป็นขาขึ้น โดยคาดว่าขยายตัวได้ 4% บนสมมติฐานการส่งออกโต 4.1% โดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกจะเริ่มเห็นชัดเจนหลังไตรมาส 2 จากเงินอัดฉีดของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเริ่มเข้าระบบและเดินเครื่องในช่วงตั้งแต่ไตรมาสแรก และการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว
ขณะที่ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2558 ที่หลายค่ายคาดการณ์ไว้ประมาณ 4-4.5% นั้น เป็นไปได้ แต่ ต้องอาศัยแผนงานที่ดีของรัฐบาลผลักดัน เพราะหนี้ครัวเรือนที่ยังสูง จะทำให้กำลังซื้อจับจ่ายใช้สอยของประชาชนขยายตัวไม่มาก ส่งออกก็ยังคาดหวังมากไม่ได้ เพราะเศรษฐกิจของประเทศใหญ่ยังไม่ดี ยกเว้นสหรัฐอเมริกา
ส่วนความเสี่ยงที่สำคัญในปี 2558 มี 3 อย่าง ได้แก่ 1.ความผันผวน จากการปรับนโยบายการเงินของสหรัฐ ปัญหาหนี้ของประเทศรัสเซีย และการที่ยุโรปไม่สามารถดำเนินนโยบายการเงินได้เต็มที่อย่างที่ต้องการ จึงอาจจะเกิดความผันผวนจากต่างประเทศที่เข้ามากระทบตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตร และตราสารหนี้
2.โลกยังต้องเผชิญสภาวะสินค้าโภคภัณฑ์ล้นตลาดไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากการที่ประเทศจีนผงาดขึ้นเป็นประเทศชั้นนำทางเศรษฐกิจ เกิดกำลังซื้อมหาศาลในสินค้าโภคภัณฑ์ทุกชนิด และประการที่ 3 คือการเมืองภายในประเทศ อาจมีความตึงเครียดมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากประชาชนจะมีความคาดหวังว่าจะมีความคืบหน้า ในเรื่องกฎกติกาใหม่ และในเรื่องการป้องปรามทุจริตคอร์รัปชั่น
ข่าวเด่น