หลังจากผู้บริโภคกลับมาให้ความสนใจบริโภคชานมไข่มุกมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดชานมไข่มุกเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง เห็นได้จากจำนวนผู้ประกอบการทั้งรายใหม่และรายเก่าที่ต่างโดดเข้ามาทำตลาดชานมไข่มุก เพื่อเกาะกระแสความนิยมที่กลับมาอีกครั้ง
ความคึกคักที่เกิดขึ้นดังกล่าวส่งให้มีการคาดการณ์ว่าตลาดรวมชานมไข่มุกในปีนี้น่าจะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท และหากปีหน้ามีความคึกคักอย่างต่อเนื่องอาจทะลุถึง 3,000 ล้านบาทก็เป็นได้ แต่จะเติบโตได้มากน้อยแค่ไหน คงต้องขึ้นอยู่กับคุณภาพและความหลากหลายของสินค้า รวมไปถึงการกำหนดราคาขาย พราะนิสัยคนไทยไม่ว่าคุณภาพสินค้าดีแค่ไหนก็อยากได้สินค้าคุ้มค่าคุ้มราคาอยู่ดี
ปั้มน้ำมัน ปตท. ถือเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่มองเห็นโอกาสดังกล่าว หลังจากออกมาประกาศแผนขยายธุรกิจค้าปลีกอย่างจริงจังเมื่อปี 2550 ก็เดินหน้าขยายธุรกิจค้าปลีกในรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปัจจุบัน ปตท.มีธุรกิจค้าปลีกที่อยู่ในความดูแลค่อนข้างหลากหลาย เช่น ร้านกาแฟคาเฟ่อเมซอน ร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ ซูเปอร์มาร์เก็ตจิฟฟี่ พลัส พีทีที ฟู้ด เซ็นเตอร์ และร้านเพอร์รี่ ที เป็นต้น
แต่ธุรกิจที่ ปตท.จะหันมาให้ความสำคัญมากขึ้นนับจากนี้ คือ ร้านเพอร์รี่ ที ธุรกิจร้านชานมไข่มุกน้องใหม่ ซึ่งหลังจากปลุกปั้นมา 2 ปี วันนี้ ปตท.พร้อมแล้วที่จะนำร้านเพอร์รี่ ที ออกมาขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ ซึ่งเบื้องต้นคิดราคาอยู่ที่ 5 แสนบาท รวมอุปกรณ์และค่าตกแต่งร้าน
นายจักรกฤช จารุจินดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปตท.บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด ผู้ให้บริการธุรกิจแฟรนไชส์ แบรนด์ “ชานมไข่มุก เพอร์รี่ ที กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจชานมไข่มุกจะมีการแข่งขันกันสูง เนื่องจากมีผู้ประกอบการหลากหลายแบรนด์เข้ามาทำตลาด แต่บริษัทก็ไม่มีความกังวลในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากร้าน เพอร์รี่ ที มีจุดแข็งและมีความโดดเด่น แตกต่างจากสินค้าแบรนด์อื่นๆ
จุดแข็งที่ร้านชานมไข่มุก เพอร์รี่ ที ดึงมาสู้คู่แข่งในตลาด คือ คุณภาพและวัตถุดิบ ที่ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดีจากประเทศไต้หวัน พร้อมกันนี้ยังใช้วิธีชงสดแก้วต่อแก้ว และมีหน้าท็อปปิ้งที่หลากหลาย โดยในส่วนของปี 2558 นี้ ปตท.มีแผนที่จะเปิดร้านใหม่เพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 100 สาขา จากปัจจุบันมีจำนวนร้านเปิดให้บริการกว่า 150 สาขา
นายจักรกฤช กล่าวต่อว่า บริษัทมั่นใจว่าร้านเพอร์รี่ ที จะเจริญรอยตามรุ่นพี่อย่างร้านกาแฟอเมซอนอย่างแน่นอน เพราะตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ได้ปลุกปั้นร้านกาแฟคาเฟ่ อเมซอน เริ่มต้นจากการสร้างตลาดภายในปั้ม ปตท. ซึ่งปัจจุบัน ร้านคาเฟ่ อเมซอน กลายเป็นแลนด์มาร์กประจำปั้ม ปตท.ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการตอกย้ำและก้าวสู่การทำตลาดชานมไข่มุกอย่างจริงจังของร้าน เพอร์รี่ ที ปตท.ได้จัดแคมเปญ “ดื่ม เพอร์รี่ ที , ลุ้นฟรี ไอโฟน 6 ทุกวัน 30 วัน 30 เครื่อง” เพื่อส่งความสุข ต้อนรับปีใหม่ และสร้างแบรนด์ของเพอร์รี่ ที ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
น.ส.นัทธกัญญ์ แซ่ก้วย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สปิริต ดี จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านชาภายใต้แบรนด์ “ซาโตริ” กล่าวว่า จากความนิยมบริโภคชานมไข่มุกที่กลับมาอีกครั้ง บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจ ด้วยการเปิดร้านชาออร์แกนิคภายใต้แบรนด์ “ซาโตริ” เข้ามาทำตลาด เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่รักสุขภาพ และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีผู้ประกอบการเข้ามาทำตลาดชานมในรูปแบบดังกล่าว
สำหรับร้านชา ซาโตริ สาขาแรกที่เปิดให้บริการไปเรียบร้อยแล้วและได้ผลการตอบรับที่ดี คือ ศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน ซึ่งหลังจากเปิดสาขาแรกบริษัท สปิริต ดี ก็วางแผนขยายธุรกิจใน 5 ปีทันที ด้วยการวางเป้าขยายร้าน ซาโตริ ให้ได้ 60 สาขา แบ่งเป็นการลงทุนเอง 50% และแฟรนไชส์ 50%
ขณะที่รูปแบบของร้านที่จะขยายเพิ่มก็แบ่งเป็น 3 ขนาด คือ ขนาดใหญ่พื้นที่ 60 ตร.ม.ใช้เงินลงทุนประมาณ 3-4 ล้านบาท ขณะที่ขนาดกลางพื้นที่ 25 ตร.ม. ใช้เงินลงทุนประมาณ 1-2 ล้านบาท และรูปแบบของคีออสขนาด 2-3 ตร.ม.ใช้เงินลงทุนประมาณ 8 แสนบาท ส่วนปี 2558 มีแผนที่จะเปิดร้านใหม่ประมาณ 5 สาขา ในบางนา รังสิต และสุขุมวิท
น.ส.นัทธกัญญ์ กล่าวว่า 2 ปีที่ผ่านมาตลาดชานมยังไม่ค่อยมีผู้ประกอบการกลับเข้ามาทำตลาด แต่หลังจากกระแสความนิยมในกลุ่มคนไทยกลับมาอีกครั้ง ส่งผลให้เริ่มมีผู้ประกอบการทยอยกลับเข้ามาเข้ามาทำตลาด เห็นภาพชัดเจนก็ปีนี้
นอกจากการทำธุรกิจภายในประเทศไทยแล้ว บริษัท สปิริต ดี ยังได้มองหาโอกาสในการขยายไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นประเทศพม่า และกัมพูชา ที่ค่อนข้างนิยมบริโภคสินค้าที่มาจากเมืองไทยเป็นเดิมอยู่แล้ว คาดการณ์ว่าต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 3 ปี จึงจะสามารถขยายสาขาไปยังกลุ่มประเทศเหล่านี้ได้
ขณะที่ผู้ประกอบการรายใหม่กำลังคึกคักขยายฐานลูกค้าเพิ่ม ในส่วนของผู้ประกอบการายเก่าที่โดดเข้ามาร่วมชิงแชร์ในตลาดชานมไข่มุก ก็ออกมาประกาศกลยุทธ์ในการทำตลาดอย่างคึกคักเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นร้านแฟมิลี่มาร์ท หรือร้านดังกิ้น โดนัท
น.ส.จุฑารัตน์ วงศ์สุวรรณ รองประธานบริหาร ฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัลแฟมิลี่มาร์ท จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้ทดลองนำเอาเครื่องดื่ม "บับเบิล รีพับลิค" ชาต้นตำรับจากไต้หวันเข้ามาทำตลาดภายในร้านแฟมิลี่มาร์ท และเพิ่มเพิ่มความหลากหลายให้กับสินค้าบริษัทได้เปลี่ยนท็อปปิ้งจากไข่มุกมาเป็น "เจลลี่" ประกอบด้วย ชานมเจลลี่ ชาลิ้นจี่เจลลี่ ชาสตรอว์เบอรี่เจลลี่ และช็อกโกแลตเจลลี่
สำหรับราคาขายของชาบับเบิล รีพับลิค บริษัท เซ็นทรัลแฟมิลี่มาร์ท ได้วางไว้ที่ราคาแก้วละ 35 บาท ซึ่งหลังจากทยอยติดตั้งตู้จำหน่ายไปตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา เริ่มต้นที่ 50 สาขา พบว่าลูกค้าให้ผลการตอบรับเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากเน้นทดลองทำตลาดในโซนออฟฟิศ คอนโดมิเนียม และสถานที่ท่องเที่ยว
ด้าน น.ส.ระวีพรรณ์ ประกอบวรรณกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โกลเด้นโดนัท (ประเทศไทย)จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านดังกิ้น โดนัท กล่าวว่า จากกระแสการบริโภคชมไข่มุกที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นเครื่องดื่มทางเลือกนอกเหนือจากกาแฟ ส่งผลให้ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มวัยรุ่น ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสในการเข้ามาทำตลาดเครื่องดื่มประเภทชานมไข่มุก ด้วยการเปิดตัว “ดีดี ป๊อบปิ้งที” เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน
จุดขายที่ร้านดังกิ้น โดนัท ดึงมาเป็นจุดขาย ดีดี ป๊อบปิ้ง ที คือ การนำเข้าวัตถุดิบใบชาแท้และป๊อป (ไข่มุก) จากต่างประเทศมาให้เลือกสดชื่นถึง 12 รสชาติ พร้อมกันนี้ยังได้สร้างสรรค์เมนู “ป๊อบ” หรือ ไข่มูกรูปแบบใหม่ให้ผู้บริโภคได้เลือกเพิ่มรสชาติและสีสันให้กับเครื่องดื่มจำนวน 7 เมนู คัดสรรวัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะเมนูพรีเมี่ยมป๊อบ ป๊อปที่ระเบิดในปากที่ทำจากสาหร่ายทะเลน้ำลึกและน้ำผลไม้สูตรเข้มข้นโดยสูตรเฉพาะของดังกิ้น โดนัท
จากความคึกคักที่เกิดขึ้นดังกล่าว คาดว่าปี 2558 นี้ ภาพรวมตลาดชานมไข่มุกน่าจะมีอัตราการเติบโตอีกไม่ต่ำกว่า 15-20% เหมือนกับปี 2557 ที่เติบโตจากปี 2556 อย่างแน่นอน และหากมีความนิยมเพิ่มขึ้น เป้าหมายที่วางไว้อาจทำได้เกินก็เป็นได้
ข่าวเด่น