เรื่องของฟุตบอลนั้น นอกจากเรื่องของความสามารถฝีไม้ลายมือในสนามแล้วเรื่องของจิตวิทยาหรือเกมข้างสนามก็ก่อให้เกิดผลดีผลเสียได้ ซึ่งคนที่เล่นเกมนี้สดๆ ร้อนๆ คือ "โฮเซ มูรินโญ" กุนซือเชลซี
"เกิดการรณรงค์เพื่อปัดแข้งปัดขาเชลซี ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้" นี่คือคำพูดของ มูรินโญ ที่กล่าวหลังจบเกมพรีเมียร์ลีก เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ( 28 ธันวาคม) ซึ่งเชลซี ของเขาเสมอกับเซาแธมป์ตัน 1-1 โดยเขาไม่พอใจที่ทีมของเขาไม่ได้จุดโทษ ในจังหวะที่เขามองว่า "เชส ฟาเบรกัส" ลูกทีมคนเก่งถูกทำฟาวล์ แถม เชส ยังมาโดนใบเหลืองโทษฐานพุ่งล้มอีกต่างหาก
มูรินโญคุมทีมมากว่าทศวรรษ รู้อยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร เขาเคยอยู่ทั้งในสถานะผู้นำและผู้ตาม ใครเป็นทีมนำ ใครเป็นจ่าฝูง คู่แข่งที่เจอก็ต้องพยายามหนักเป็นพิเศษเพื่อเอาชนะให้ได้ เพราะเจอทีมเก่ง ส่วนเรื่องผู้ตัดสินเอนเอียงเข้าข้างคู่แข่ง ก็อาจจะเกิดขึ้นได้ในบางจังหวะของเกม ซึ่งก็เป็นเรื่องที่สมควรโวย และสมควรจะต้องหาวิธีทำให้การตัดสินบริสุทธิ์ยุติธรรมมากขึ้น แต่ที่บอกว่าทำกันเป็นโครงการ มีการรณรงค์ให้เป็นอย่างนั้น ก็เว่อร์ไปหน่อย
การไปบ่นผู้จัดการทีมคนอื่นๆ ว่าเป็นต้นเหตุให้เกิดการรณรงค์ เพื่อรุมทีมของเขา ก็เป็นเกมจิตวิทยาสะท้อนกลับเรื่องที่พูดเป็นเรื่องที่คิดเอาเอง แต่เมื่อเผยแพร่ออกไปสู่สาธารณะ ผู้ตัดสินที่ได้อ่านข่าวหรือข้อความนี้ ก็ต้องหวั่นไหวอยู่บ้าง
ต้องยอมรับว่า การตัดสินของผู้ตัดสินฟุตบอล ไม่ใช่การตัดสินแบบตรงเป็นไม้บรรทัด เอากฎกติกามาใช้เพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของการใช้สติไตร่ตรอง การประมวลเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องด้วย เพื่อให้เกมฟุตบอลสามารถดำเนินไปได้อย่างดีที่สุด
บางครั้งอารมณ์ก็แซงนำเหตุผลในการตัดสินได้ ซึ่งคำพูดของมูรินโญอาจจะเข้าไปอยู่ในใจของผู้ตัดสินบ้างเพียงเสี้ยวหนึ่ง ก็อาจจะเป็นประโยชน์ให้ทีมได้
ข่าวเด่น