ในรอบปี 2557 ที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงและแจ้งเกิดของอุปกรณ์นวัตกรรมไอทีเด่น ๆ เกิดขึ้นมากมาย สำหรับในปีแพะ 2558 นี้ มีเหล่ากูรูจากหลายค่ายออกมาให้มุมมองที่ไม่แตกต่างกันมากนัก
โดยเมื่อเร็ว ๆนี้ บรรดาผู้บริหารของอินเทล รวมถึง นายสนธิยา หนูจีนเส้ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ประเทศไทย ( Intel Thailand ) ได้ออกมาเปิดเผยวิสัยทัศน์ “เทรนด์ เทคโนโลยีไอทีปี 2015” ไว้อย่างน่าสนใจเช่นกัน โดยมองว่า โลกจะเข้าสู่การผสมผสานทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีอินเทอร์เน็ตเป็นตัวเชื่อมที่สำคัญ ดังนั้นการเตรียมพร้อมทักษะการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ไว้จึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะในยามที่รัฐบาลกำลังผลักดันไทยเปลี่ยนผ่านสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิตอลในปัจจุบัน
@ มาดูกันว่า ผู้บริหารอินเทลมองโลกไอทีปี 2558 อย่างไรบ้าง
@ ยุคผสมผสานเทคโนโลยีเป็นหนึ่งเดียว
โลกเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เราไม่อาจพึ่งพาแค่อุปกรณ์เพียงชิ้นเดียวคู่กับการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายได้อีกต่อไป แต่มีอุปกรณ์ไอทีมากมายหลายแบบ เช่น อุปกรณ์ไอทีสวมใส่ Wearable สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ ที่สามารถเชื่อมต่อถึงกันเป็นหนึ่งเดียว ทำให้เกิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในการใช้งาน อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งได้ตามใจผู้ใช้
นอกจากนี้ ยังจะเกิดมิติใหม่ของการผสมผสานของอุปกรณ์แบบมีจอ (Screen) และไม่มีจอ ( Non-Screen ) ด้วย โดยในปัจจุบันเราอยู่ในยุคใช้อุปกรณ์มีหน้าจอเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น คอม สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต แม้แต่นาฬิกาอัจฉริยะ (Smartwatch) ยังแสดงผลและสื่อสารผ่านทางหน้าจอขนาดที่แตกต่างกันไป แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต คือ อุปกรณ์แบบไร้จอ “non screen“ จะมาอยู่กับเรามากขึ้น เช่น นาฬิการะบบ GPS และเครื่องใช้ต่างๆ ภายในบ้านจะทำงานร่วมกับอุปกรณ์มีจอ โดยอาศัยการรับส่งสัญญาณหรือข้อมูลที่จำเป็น ทำให้เราได้รับรู้และใช้ประโยชน์ข้อมูลอย่างเต็มที่ การผสมผสานที่จะได้พบเห็นส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มของอุปกรณ์สวมใส่ได้ และอุปกรณ์เชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ตได้
“เพื่อให้เราก้าวเข้าสู่ยุคใหม่นี้ได้อย่างเต็มตัว อุปกรณ์ที่เราใช้งานจะมีเทคโนโลยีอัจฉริยะใหม่ๆ ที่ช่วยให้เราทำงานและใช้ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจอแสดงผลที่พับได้ อุปกรณ์สมรรถนะสูงที่ใช้พลังงานเพียงเล็กน้อย หรือแม้แต่อุปกรณ์พกพาราคาถูกที่สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้โดยอัตโนมัติ การสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่สำหรับอุปกรณ์ในยุคนี้ จะมุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์การใช้งานที่หลอมรวมเข้ากับการใช้ชีวิตประจำวัน อุปกรณ์เหล่านี้จะทั้งใช้งานง่าย สะดวกสบาย และพกพาไปได้ทุกหนแห่ง จึงสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งานได้ และยังเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ อย่างสิ้นเชิง
"ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น จะมีบทบาทที่สำคัญยิ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไอที ให้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่นี้ โดยมีแบรนด์ต่างๆ จากประเทศจีนและศูนย์วิจัยนวัตกรรมมากมายหลายแห่งเป็นผู้ผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ทั้งในปี 2558 ที่จะถึงนี้ และปีต่อๆ ไป” ไบรอัน เดวิด จอห์นสัน ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีในอนาคตของค่ายอินเทล กล่าว
@ ยุคแห่ง Internet of Thing (IoT)
นอกจากนี้ ในปี 2558 โลกยังกำลังก้าวสู่ยุคที่อุปกรณ์ทุกอย่างคุยกันเองได้หมด ซึ่งต้องมี gateway , network , datacenter , cloud , big data โดยบริษัทวิจัยไอดีซีได้คาดการณ์ว่า อุปกรณ์ที่เป็น Connected Device ภายในปี 2563 จะอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านชิ้น แต่ถ้ารวมกับ Internet of Things ด้วย จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 แสนล้านชิ้น ขณะที่คาดการณ์ว่า ตลาด Internet of Thing ทั่วโลก จะขยายตัวเพิ่มขึ้น จากเดิม 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2556 เป็น 7.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2563 หรือโตขึ้นถึง 3.7 เท่า ภายใน 7 ปี
การเติบโตของอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตดังกล่าว ยังหมายความได้อีกว่า โลกเราจะมีปริมาณข้อมูลที่ถูกสร้างเพิ่ม ขึ้นอย่างมหาศาลด้วยเช่นกัน โดยไอดีซีคาดว่า ปริมาณข้อมูลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัวในทุกๆ 2 ปี และในปี 2563 เราจะมีสิ่งที่เรียกว่า “จักรวาลดิจิตอล” หรือข้อมูลที่สร้างและมีการเคลื่อนย้ายถ่ายโอนทั้งสิ้นในแต่ละปี รวมทั้งสิ้นประมาณ 44 เซตตะไบต์ หรือเท่ากับ 44 ล้านล้านกิกะไบต์
สิ่งที่ทำให้ Internet of Thing เติบโตขึ้นโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมานี้ เป็นผลจากการที่มันทำให้เกิดการผสมผสานบูรณาการของเทคโนโลยีทุกอย่าง ซึ่งช่วยให้ชีวิตดีขึ้น ผลผลิตดีขึ้น บริการดีขึ้น ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานนั่นเอง
@ บุกเบิกก้าวสู่โลกใหม่
ในปีใหม่ 2558 นี้ โลกจะเข้าสู่มิติใหม่ในรูปของ “เมืองอัจฉริยะ” เช่น ที่เกิดขึ้นแล้วในเพื่อนบ้านใกล้เคียงอย่างเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ซึ่งประกาศตัวเป็น Smart City โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสรรค์บริการสาธารณะที่มีคุณภาพให้แก่ประชาชนชาวดานังและทุกคนที่มาเยือน รวมถึงการจัดการปัญหาจราจรอย่างเป็นระบบ ดังนั้น Smart city จะเป็นเทรนด์อีกเทรนด์ที่ไทยจะเจริญรอยตาม โดยหน่วยงานภาครัฐจะใช้ IoT เข้าช่วย จะมีการบริการจากภาครัฐที่ดีขึ้นและรวดเร็วขึ้น
“ตอนนี้ไทยกำลังเข้าสู่แผน Digital Economy มีผลทำให้ Internet of Thing ยิ่งมีบทบาทอย่างรวดเร็วมากขึ้น อุปกรณ์ไอทีจะสามารถรับรู้จากผู้ใช้ได้โดยไม่ต้องมานั่งจิ้ม นั่งพิมพ์ สามารถรองรับการสั่งงานด้วยเสียง หรือท่าทางของเราแล้วคอมพิวเตอร์จะเข้าใจและปฏิบัติตามคำสั่งได้ทันที ทั้งนี้ อุปกรณ์ที่จัดเป็นนวัตกรรมน่าสนใจจับตามองในปีหน้า คือ อุปกรณ์ชื่อว่า Compute Stick ใช้ซีพียู Atom โดยหัวพอร์ตเป็น HDMI ไว้เสียบกับทีวี ซึ่งเมื่อเสียบกับทีวีแล้ว ทีวีจะกลายเป็นหน้าจอคอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการ Windows ได้ทันที” นายสนธิยากล่าว
ขณะที่ "เจเนวีฟ เบล" ผู้บริหาร อินเทล แล็บ และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย User Experience กล่าวว่า อุปกรณ์อัจฉริยะใหม่ๆ ที่จะออกสู่ตลาดในปี 2558 จะใช้งานได้ง่ายขึ้น และเข้ากับความต้องการของผู้ใช้แต่ละคนได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ เรายังจะได้เห็นอุปกรณ์ที่แปลกใหม่ ทั้งในด้านรูปลักษณ์ คุณสมบัติ และการใช้งาน เช่น อุปกรณ์ประมวลผลเพื่อการสวมใส่ หรืออุปกรณ์ที่แสดงผลเป็น 3 มิติ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมที่ช่วยให้ผู้คนหันมาสนใจโลกยุคใหม่นี้มากขึ้น
นอกเหนือจากนี้ เรายังจะได้เห็นทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภคทั่วไป หันมาประยุกต์ใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์กันมากขึ้นด้วย เช่น ในรูปแบบของเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ซึ่งมีแนวโน้มจะพัฒนาต่อไปในอนาคต
@ เตรียมความพร้อมด้านทักษะไอที
นายสนธิยา กล่าวต่อว่า เมื่อโลกกำลังเปลี่ยนไป ดังนั้นการที่จะใช้เทคโนโลยีใหม่ให้ได้ผล จึงจำเป็นว่า เราต้องมีทักษะความรู้และการใช้เครื่องมือใหม่ๆ ด้วย ซึ่งเคยมีผลสำรวจในเอเชีย หัวข้อ "ภาวะขาดแคลนแรงงานเมื่อปี 2556" ซึ่งมีคำถามที่ว่า ทำไมบริษัทจัดหางาน หาคนมาแทนตำแหน่งงานเดิมไม่ได้ พบว่า 45% ของบริษัทจัดหางาน ตอบมาว่า เพราะทักษะไม่ตรงกัน Skill ที่ต้องการไม่มี ซึ่งไม่ใช่แค่ Skill ด้านเทคโนโลยีเท่านั้น แต่รวมถึง Ski llด้านอื่นๆ ที่ไม่ใช่เทคโนโลยีด้วย
อย่างไรก็ตาม “เทคโนโลยี” คือ พื้นฐานสำคัญแห่งการสร้างทักษะอื่นๆ อีกมากมาย เพราะเป็นพื้นฐานสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต
“ดังนั้นการศึกษาและการเชื่อมต่อบอร์ดแบนด์ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพื่อผลักดันให้ไทยสู่ยุคเทคโนโลยีใหม่ที่ก้าวหน้าขึ้น ตามเทรนด์เทคโนโลยี”
โดยภาพรวมแล้ว กล่าวได้ว่า ทิศทางของเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 นี้ ล้วนแล้วเป็นเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้ว เกิดขึ้นแล้วในปี 2557 แต่จะมีการนำมาใช้งานอย่างบูรณาการมากขึ้น ทำให้ได้เทคโนโลยีที่จะช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นและมีผลผลิตทางธุรกิจที่ดีขึ้นด้วย
แต่เพื่อให้การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเป็นไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส สร้างสังคมเศรษฐกิจดิจิตอลที่เจริญก้าวหน้าได้ คงจะต้องอาศัยการเตรียมพร้อมรับมือของทางการ ผ่านการมีกระบวนการทางด้านนโยบายและกฎหมายมารองรับด้วย ..
ข่าวเด่น