การตลาด
สกู๊ป "เบคโก้"ปักธงไทยฮับโรงงานผลิตป้อนตลาดอาเซียน


หลังจาก บริษัท อาร์เซลิก เอเอส จำกัด เจ้าของแบรนด์ “เบคโก้” บริษัทในเครือ “คอช กรุ๊ป” แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อดังจากประเทศตุรกี ออกมาประกาศแผนรุกทำตลาดในประเทศไทยอย่างจริงจังเมื่อเดือน ต.ค. 2557 เนื่องจากมองเห็นโอกาสในการเข้ามาทำตลาดในเอเชีย โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียน เพราะปลายปี 2558 กลุ่มประเทศอาเซียนจะก้าวเข้าสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี 


จากขนาดเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนที่จะมีขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้หลายประเทศเริ่มจับตามองกลุ่มประเทศในภูมิภาคนี้ และไทยก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้รับความสนใจ และหนึ่งในนั้นก็คือ บริษัท อาร์เซลิก เอเอส  เจ้าของแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าเบคโก้ นั่นเอง ซึ่งหลังจากได้ทดลองทำตลาดในประเทศไทยมากระยะหนึ่ง ภายใต้การดูแลของบริษัท ไตตัน โค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัทตัวแทนการจัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายในประเทศไทย วันนี้เครื่องใช้ไฟฟ้าเบคโก้ พร้อมแล้วที่จะลุยธุรกิจในไทยและภูมิภาคอาเซียนอย่างจริงจัง ด้วยการประกาศแผนลงทุนโรงงานผลิตสินค้าในประเทศไทยเป็นแห่งแรกของภูมิภาคอาเซียน

สำหรับความคืบหน้าของการสร้างโรงงานผลิตสินค้าในประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ 164 ไร่ ในเขตประกอบการอุตสาหกรรมเหมราชระยอง อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างภายใต้งบลงทุน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  หรือประมาณ 3,200 ล้านบาท คาดจะแล้วเสร็จพร้อมผลิตตู้เย็นป้อนตลาดประมาณ 500,000 แสนเครื่องต่อปีได้ในปลายปี 2558 นี้ 

 
 
 
นายเลแวนต์ ชาคึโอลู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เซลิก เอเอส จำกัด เจ้าของแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าเบคโก้ กล่าวว่า การเข้ามาทำธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนครั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะปั้นแบรนด์เบคโก้ให้ประสบความสำเร็จในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเช่นเดียวกับที่เคยปั้นเบคโก้ประสบความสำเร็จเป็นปรากฏการณ์มาแล้วในยุโรป เห็นได้จากการที่แบรนด์เบคโก้เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่ขายดีที่สุดในประเทศอังกฤษ และเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในประเทศฝรั่งเศส

นอกจากนี้ แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าเบคโก้ ยังเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศเยอรมันในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจากความสำเร็จที่ได้รับดังกล่าว ทำให้บริษัท  อาร์เซลิก เอเอส มั่นใจว่าการมีโรงงานผลิตสินค้าสำหรับภูมิภาคอาเซียนในประเทศไทย จะทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดในภูมิภาคได้อย่างรวดเร็ว  และทำให้บริษัท อาร์เซลิก เอเอส บรรลุเป้าหมายความสำเร็จในภูมิภาคอาเซียนได้อย่างแน่นอน

หลังจากเริ่มผลิตสินค้าในปลายปีนี้ อัตราส่วนของการผลิตสินค้าประมาณ 90% จะเป็นสินค้าส่งออก ซึ่งภายใน 3 ปี บริษัท อาร์เซลิก เอเอส ตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศไทย คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาทให้ได้ และจากการส่งออกสินค้าเข้าไปทำตลาดใน 10 ประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ คาดว่าจะมียอดขายมาจากภูมิภาคอาเซียน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  หรือประมาณ 16,000 ล้านบาท

 
 
 
ในส่วนของผลการตอบรับหลังจากเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย พบว่าได้ผลการตอบรับที่ดีมาก โดยเฉพาะตู้เย็นและเครื่องซักผ้า เห็นได้จากการมียอดขายติดอันดับขายดี 1 ใน 3 ของตู้เย็นและเครื่องซักผ้าที่ขายดีที่สุดในหลายร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า และร้านค้าปลีกอย่าง  เพาเวอร์บาย สาขาห้างเซ็นทรัล ชิดลม

ด้าน นายมุสตาฟา วี คอช ประธานกรรมการคอช โฮลดิ้ง กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเบคโก้ ประสบความสำเร็จระดับโลก เป็นผลมาจากความสามารถในการเข้าใจความต้องการของคนในพื้นที่ และสามารถตอบสนองความต้องการนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย

นอกจากนี้ การที่เครื่องใช้ไฟฟ้าเบคโก้ ทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับผู้บริโภค เช่น การพัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพสูงสุด การมีโรงงานผลิตที่มีความยืดหยุ่นล้ำสมัย มาพร้อมกับขีดความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนาที่แข็งแกร่ง   ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เบคโก้ประสบความสำเร็จจากการทำธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะเป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันสูง โดยเฉพาะในตลาดเยอรมัน  ฝรั่งเศส และ อังกฤษ   

นายมุสตาฟา กล่าวต่อว่า ความสำเร็จที่ได้รับตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทมั่นใจว่าการเข้ามาขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน และการตั้งโรงงานผลิตสินค้าในประเทศไทยครั้งนี้ จะทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเบคโก้ประสบความสำเร็จได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว  เพราะไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพ มีเครือข่ายอุตสาหกรรมสนับสนุนที่แข็งแกร่ง มีทำเลที่ตั้งที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค มีโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศที่ดี มีสิ่งจูงใจการลงทุนโดยคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) และที่สำคัญความเชื่อมั่นในตัวคนไทย

สำหรับภาพรวมตลาดเครื่องซักผ้าและตู้เย็นในประเทศไทย มีมูลค่ารวมกันประมาณ 28,500 ล้านบาท และในภูมิภาคอาเซียน ประมาณการณ์ตลาดเครื่องซักผ้ามีมูลค่าประมาณ 1,650 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 52,800 ล้านบาท) มีปริมาณเครื่องซักผ้าอยู่ที่ 6,750,000 เครื่องต่อปี และตลาดตู้เย็นมีมูลค่าประมาณ 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 80,000 ล้านบาท) มีปริมาณตู้เย็นอยู่ที่ 8,600,000 เครื่องต่อปี

จากมูลค่าตลาดที่มหาศาลดังกล่าว จึงทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเบคโก้ ไม่รีรอที่จะใช้เงินก้อนโตเข้ามาลงทุนในประเทศไทยและกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน เพราะแต่ละประเทศล้วนแต่มีความสดใหม่พร้อมที่จะรับสินค้าใหม่ที่เข้ามาทำตลาด หากสินค้านั้นๆ ผลิตออกมาตรงกับความต้องการและมีราคาที่เหมาะสม

 
 
 
ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทคอช มีโรงงานผลิตสินค้าอยู่ 14 แห่งทั่วโลก โดยโรงงานในประเทศไทยถือเป็นโรงงานแห่งที่ 15 ซึ่งในจำนวนนี้มีโรงงานผลิตตู้เย็นที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และโรงงานผลิตเครื่องซักผ้าที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปที่อยู่ภายใต้หลังคาเดียวกัน ซึ่งจากแผนการขยายธุรกิจดังกล่าว ส่งผลให้ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัท อาร์เซลิก เอเอส ติดอันดับ 1 ใน 200 บริษัทที่มียอดการยื่นขอจดทะเบียนสิทธิบัตรกับองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกมากที่สุด

อย่างไรก็ดี ผลจากการขยายธุรกิจดังกล่าว ส่งผลให้กลุ่ม คอช โฮลดิ้ง ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี มีพนักงานที่อยู่ในความดูแลมากกว่า 80,000 คน มียอดขายรวมประมาณ 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,100,000 ล้านบาท มีตัวแทนจำหน่าย 12,000 ราย และมีศูนย์วิจัยและพัฒนา 22 แห่ง โดยปัจจุบันกลุ่ม คอช โฮลดิ้ง ยังเป็นผู้นำทางธุรกิจในหลายประเภท เช่น ธุรกิจพลังงาน  ธุรกิจยานยนต์ และการเงิน  รวมไปถึงสินค้าคงทนสำหรับผู้บริโภค

ทั้งนี้ กลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจกลุ่มสินค้าคงทน และจากการขยายธุรกิจของเครื่องใช้ไฟฟ้าเบคโก้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปัจจุบัน บริษัท อาร์เซลิก  เอเอส มียอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเบคโก้ ในปี 2556  รวมกันประมาณประมาณ 5,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  หรือประมาณ 185,000 ล้านบาท  ส่วนรายได้ในประเทศไทยจะเป็นเท่าไหร่นั้น คงต้องรอลุ้นสิ้นปีนี้ เนื่องจากจะเป็นช่วงที่เครื่องใช้ไฟฟ้าเบคโก้ ทำตลาดในประเทศไทยครบ 1 ปีพอดี

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 09 ม.ค. 2558 เวลา : 03:02:21
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 8:30 am