แม้ราคาทองคำในปัจจุบันจะยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น อยู่เหนือระดับ 19,000 บาทต่อบาททองคำได้ ซึ่ง นาย กมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ ยอมรับว่า จากการติดตามการซื้อขายทองคำของกองทุนขนาดใหญ่ทั่วโลก พบว่า ในช่วงปลายปี 2557 และช่วงต้นเดือนมกราคม 2558 กองทุนขนาดใหญ่ทั่วโลกทยอยซื้อสัญญาทองคำสะสม หลังราคาทองคำลดลงมาก
ขณะที่ราคาทองคำในตลาดต่างประเทศ มีสถานะซื้อ (Long) มากขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้มักเปิดสถานะขาย (Shot) ซึ่งเป็นสัญญาณว่า ราคาทองคำในช่วง 1-3 เดือนนี้ จะอยู่ในช่วงขาขึ้นจากแรงเก็งกำไรของกองทุน โดยกรอบราคาทองคำในช่วงครึ่งปีแรกจะอยู่ที่ 17,000-20,500 บาทต่อบาททองคำ และราคาทองคำโลกอยู่ที่ 1,050-1,350 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ ขณะที่ ผลตอบแทนจากการลงทุนทองทั้งปี 2558 จะอยู่ที่ราว 5 %
แต่หลังธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ย ที่คาดว่าจะปรับขึ้นประมาณ 0.75-1 % ทองคำจะเป็นขาลงแรง ยังมองกรอบราคาเดิมที่แนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อที่ 16,800-17,500 บาทต่อบาททองคำ ในช่วงปลายไตรมาส 2 และต้นไตรมาส 3 ของปี ก่อนที่ตลาดทองคำจะกลับเข้าสู่ขาขึ้นอีกครั้ง เพราะเศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยงนักลงทุนจะหันมาถือทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
ด้าน นายทรรศนะ บุญขวัญ ประธานคณะทำงานศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในเดือนมกราคม 2558 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.95 จุด จากเดือนธันวาคม 2557 มาอยู่ที่ 58.33 จุด ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่สอง โดยผู้ลงทุนทองคำและผู้ค้าทองคำมองว่า ผลตอบแทนทองคำในเดือนมกราคมจะเป็นบวก มองกรอบราคาทองคำแท่ง 95.5 % ที่ 1,140-1,240 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอย์ออนซ์ หรือ 17,000-19,500 บาทต่อบาททองคำ
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยทองคำ ยังจัดทำแบบสำรวจความคิดเห็นต่อปัจจัยสำคัญ 10 ปัจจัย ที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำในปี 2557 โดยจัดลำดับสำคัญดังนี้
1. สงครามน้ำมัน 40.82%
2.การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจสหรัฐ 38.78%
3. ค่าเงินบาทอ่อนตัว 31.63%
4. มหากาพย์ ยูเครน-รัสเซีย 30.61%
5. ปีแห่งการลด QE 30.61%
6. เศรษฐกิจจีนทรุดหนัก 26.53%
7. Polar Vortex ฉุดเศรษฐกิจสหรัฐ 21.43%
8. BOJ กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม กดทองดิ่ง 16.33%
9. ความเป็นไปได้ในการใช้ QE ของ ECB 16.3
10. ประชามติธนาคารกลางสวิสเซอแลนด์ 16.33%
ข่าวเด่น