"โกล์ด" ประกาศขึ้นสู่บังลังก์ผู้นำติดท็อปไฟว์ในปี 61 มั่นใจหลังควบเคแลนด์ ยอดขายพุ่งกำไรก้าวกระโดด
นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ Gold เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ควบรวมกิจการกับบริษัทกรุงเทพบ้านและที่ดิน จำกัด (มหาชน) หรือ เคแลนด์ เมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้ปีนี้มั่นใจว่า จะมีรายได้มากถึง 8,300 ล้านบาท จากการที่พอร์ตการพัฒนาโครงการต่าง ๆ จำนวนมาก และทำให้รายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด จากปี 2557 ที่ทำได้ 3,800 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 111% พร้อมกันนี้ได้ตั้งเป้าหมายที่จะขึ้นติดอันดับ 1 ใน 5 อสังหาริมทรัพย์ ในปี 2561
"การเติบโตอย่างรวดเร็วของบริษัทนั้น มาจากจุดเด่นของเคแลนด์ที่มีเทคโนโลยีก่อสร้างที่ดีมีศักยภาพ ทำให้ต้นทุนการก่อสร้างต่ำลง อีกทั้งยังเชี่ยวชาญบ้านระดับราคา 10-20 ล้านบาท ขณะที่บริษัทก็เน้นพัฒนาบ้านระดับราคา 3-7 ล้านบาท ซึ่งได้เตรียมงบประมาณซื้อที่ดินไว้ที่ 2,700 ล้านบาท และเมื่อควบรวมจึงทำให้บริษัทมีสินค้าที่ตอบสนองทุกกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน หรือระดับราคา 2-20 ล้านบาทได้เป็นอย่างดี"
โดยในปีนี้บริษัทจะเน้นพัฒนาบ้านระดับราคาดังกล่าว เนื่องจากเป็นตลาดที่ไม่มีปัญหาด้านการเงิน อัตราการกู้เงินจากสถาบันการเงินไม่ผ่าน หรือการคืนก็น้อยมาก ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายรายได้จากโครงการแนวราบ 7,280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 200% จากปี 2557 ที่สามารถทำได้ราว 2,300 ล้านบาท จากการเปิดตัวโครงการใหม่ 13 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับโครงการของเคแลนด์แล้ว จะมีโครงการระหว่างขายและก่อสร้างมากถึง 33 โครงการ
"ความท้าทายต่อไปของบริษัท ไม่ได้อยู่ที่การพลิกฟื้นผลประกอบการให้เป็นกำไรอีกต่อไป แต่เป็นการตั้งเป้าหมายใหม่ในการเติบโตสู่การเป็นผู้นำอสังหาริมทรัพย์ 5 อันดับแรกของประเทศ ภายในปี 2561 คาดว่าจะมียอดขายรวมกว่า 30,000 ล้านบาท ในอีก 4 ปีข้างหน้า"นายธนพล กล่าว
สำหรับสภาพโดยรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ คาดว่าจะมีอัตราเติบโตขึ้นได้ 2-3% โดยมีปัจจัยบวกจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น จากการลงทุนของภาครัฐ ขณะเดียวกันราคาน้ำมันที่ลดลง ทำให้ราคาวัสดุก่อสร้างและต้นทุนการก่อสร้างลดลงตามไปด้วย แต่ทั้งนี้ยังมีปัจจัยลบ คือ หนี้ครัวเรือนที่สูง ซึ่งทำให้สถาบันการเงินยังเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ รวมถึงการเลือกตั้ง ซึ่งจะเกิดขึ้นได้หรือไม่
ข่าวเด่น