"นารายณ์ พร็อพเพอร์ตี้" เผยแผนปีนี้ เล็งลงทุนโครงการใหม่ 7-8 โครงการ ชิมลางเปิดตัวโครงการ พาร์ค พรีว่า มูลค่า 2,400 ล้านบาท เจาะกลุ่มเศรษฐีกระเป๋าหนัก
นางอรฤดี ณ ระนอง กรรมการบริหาร บริษัท นารายณ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ 7-8 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 8,000-9,000 ล้านบาท โดยจะพัฒนาคอนโดมิเนียม 3โครงการ บ้านเดี่ยว 3 โครงการ และ ทาวน์เฮาส์อีก 2 โครงการ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับกลางถึงบน ซึ่งล่าสุดได้เปิดตัวโครงการพาร์ค พรีว่า เป็นบ้านเดี่ยว สูง 3 ชั้น 3 แบบ บนถนนรัชดาภิเษก-พระรามเก้า บนพื้นที่กว่า 17 ไร่ รวม 60 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,400 ล้านบาท โดยระยะแรกจะพัฒนา จำนวน 21 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 34 - 60 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดให้ลูกค้าชมบ้านตัวอย่างตั้งแต่วันที่ 24 มกราคมนี้เป็นต้นไป ขณะนี้มียอดจองซื้อแล้ว 4 ยูนิต พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ 3,000 ล้านบาท จากการโอนโครงการ พาร์ค แลนด์ วงษ์สว่าง
โดยบ้านเดี่ยว 3 ชั้น 3 สไตล์ ประกอบด้วย บ้าน ASPEN ขนาดที่ดินเริ่มที่ 72-102 ตารางวา มี 5 ห้องนอน ทุกห้องมีห้องน้ำในตัว พื้นที่ใช้สอยรวม 462 ตารางเมตร ที่จอดรถ 4 คัน แบบบ้านมีขนาดใหญ่จึงจัดสรรพื้นที่ในห้องนอนใหญ่ได้กว้างขวาง พร้อม walk-in closet แยกส่วนชาย-หญิง ภายในบ้านยังมีพื้นที่สำหรับติดตั้งลิฟต์เพื่อความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุ ราคาเริ่มที่ 47 - 60 ล้านบาท
บ้าน BANYAN ขนาดที่ดิน 62-74 ตารางวา มี 4 ห้องนอน ทุกห้องมีห้องน้ำในตัว พื้นที่ใช้สอยรวม 380 ตารางเมตร พร้อมที่จอดรถ 3 คัน ดีไซน์บ้านมีความโดดเด่นในส่วนของห้องนั่งเล่น ออกแบบให้มีดับเบิ้ลวอลุ่ม หน้าต่างบานสูงเน้นความโปร่งโล่งให้อากาศถ่ายเทสะดวกตามธรรมชาติ ฟังก์ชั่นพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านครบครันสิ่งอำนวยความสะดวก มีครัวไทยและครัวฝรั่งตอบสนองไลฟ์สไตล์ชีวิตเมืองอย่างมีรสนิยม ราคาเริ่มที่ 40 - 47 ล้านบาท
บ้าน CEDAR บ้านขนาดกระทัดรัดในสไตล์เดียวกับบ้าน BANYAN สร้างบนที่ดิน 57 - 73 ตารางวา 4 ห้องนอนทุกห้องมีห้องน้ำในตัว พื้นที่ใช้สอยรวม 296 ตารางเมตร พร้อมที่จอดรถ 2 คัน ราคาเริ่มที่ 34 - 39 ล้านบาท
โครงการพาร์ค พรีว่า เป็นโครงการแรกและโครงการเดียวที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายและสร้างนิยามใหม่ของการใช้ชีวิตเมือง ด้วยรูปแบบของบ้านเดี่ยวพร้อมที่ดินในทำเลศักยภาพย่านธุรกิจ ความโดดเด่นของบ้านทุกหลังมาจากแนวคิดการออกแบบบ้าน L-Shape ให้ความกลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุด โดยคำนึงถึงทิศทางลมและแสงแดดเป็นสำคัญ เพื่อมอบความเป็นส่วนตัวสูงสุดในการอยู่อาศัยสำหรับชีวิตในเมืองที่ต้องผจญอยู่กับความวุ่นวายแออัดทุกวัน ธรรมชาติสีเขียวจึงมีอยู่ในบ้านทุกหลัง พร้อมการดีไซน์ฟังก์ชั่นพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านมากเพียงพอเหมาะกับไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นขนาดห้องนอน พื้นที่พักผ่อน พื้นที่เก็บของ ห้องครัว หรือแม้แต่ห้องแม่บ้าน
“บริษัทเน้นการทำตลาดด้วยการชูจุดขายผ่านสินค้า ซึ่งมีศักยภาพทำเลที่ตั้ง คุณภาพบ้าน และวัสดุที่ใช้ก่อสร้าง ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้อย่างดี รวมทั้งเน้นบริการหลังการขายด้วย เพราะเชื่อมั่นว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ จะมีทิศทางเติบโตที่ดี โดยเฉพาะโครงการที่พัฒนาตามแนวรถไฟฟ้า ซึ่งทำให้ราคาที่ดินในย่านธุรกิจ (ซีบีดี) เช่น สีลม สาทร เพลินจิต ราชดำริ และ สุขุมวิท เพิ่มสูงขึ้นมาก นอกจากนี้ยังมีทำเลย่านรัชดา-พระรามเก้า ซึ่งเป็นทำเลใหม่ คาดว่าในอนาคตจะกลายเป็นย่านธุรกิจใหม่แน่นอน”นางอรฤดีกล่าว
ข่าวเด่น