ถ้าพูดถึงนักฟุตบอลที่เป็นตำนานของทีม "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หนึ่งในคนที่แฟนบอลต้องนึงถึงคือ "เอริก กองโตนา" อดีตนักเตะชาวฝรั่งเศส ซึ่งสาเหตุที่เรียกว่าเขาเป็นตำนานนอกเหนือจากความสามารถในการเล่นฟุตบอลที่โดดเด่นแล้ว เขายังมีวีรกกรมที่หลายคนจดจำไม่มีวันลืม คือ การที่เขาไปถีบแฟนบอลคนหนึ่งของ "คริสตัล พาเลช" โดยอ้างว่าแฟนบอลคนนั้นด่าแม่เขา
งานนี้จะถูกด่าแม่จริงอย่างที่ กองโตนา กล่าวอ้างหรือไม่ เราก็ไม่ทราบได้ แต่กองโตนา ถีบจริงและโดนแบนไป 9 เดือน และด้วยความเก่งผสมความห่าม ทำให้มีทั้งคนที่ชอบและชังกองโตนา อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไรกับกองโตนา แต่เมื่อเร็วๆ นี้ สิ่งที่เขาพูดถึงเหตุการณ์ยิงถล่มหนังสือพิมพ์ ชาร์ลี เอ็บโด เป็นสิ่งที่น่าฟังดีเดียว
" เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องช็อคโลก และน่าเสียดายที่มีความสูญเสีย และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกในฝรั่งเศสที่เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นต้องถูกทำลาย เมื่อเดือนตุลาคมปี 1988 โรงภาพยนตร์แซงต์ มิเชล ก็ถูกยิงถล่ม เป้าหมายคือ คนที่ดูภาพยนตร์เรื่อง The Last Temptation ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 40 คน เจ็บสาหัส 4 คน และถูกเผาทั้งเป็น 50 คน โดยครั้งนั้นคนที่ทำ คือ กลุ่มแคทอลิกกลุ่มหนึ่ง สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ คือ สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องที่จะไปโทษศาสนาอิสลาม คนก่อการร้ายมีทุกที่และเป็นคนส่วนน้อย พวกเขามีทั้งที่เป็นคนคริสต์ พุทธ หรือ แคทอลิก สิ่งสำคัญ คือ เราต้องเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต อย่ามองแค่สิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า หรืออย่าสนใจแค่ข่าวในวันนี้
เราต้องไม่ลืมครับว่า เรื่องการก่อการร้ายเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยกลุ่มที่ไม่ใช่คนมุสลิม" กองโตนา กล่าว
"สิ่งที่อันตรายมาก คือ การตีความว่าคนมุสลิมทั้งหมด คือ ผู้ก่อการร้าย ผมเชื่อว่าร้อยละ 90 ของคนมุสลิมก็รู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาก็เป็นคนเหมือนคุณเหมือนผม ไม่ใช่ว่าพวกเขา คือ คนนิยมความรุนแรง เราอย่าไปเหมารวมว่าทุกคนจะเป็นเหมือนกันไปหมด"
สำหรับ กองโตนา เลิกเล่นฟุตบอลตั้งแต่ปี 1997 ซึ่งหลังจากนั้นเขาโผล่หน้าค่าตามาให้ได้เห็นกันบ่อยๆ ส่วนมากจะเป็นงานด้านการแสดง ซึ่งล่าสุดเขามีผลงานภาพยนตร์สารคดีเรื่อง "Football and immigration-a 100 years of common history" ซึ่งนอกเหนือจากเรื่องของ ชาร์ลี เอ็บโด แล้ว เขายังแสดงความคิดเห็นว่า วงการฟุตบอลอาจดูเหมือนเป็นวงการที่ยุติธรรมที่ตัดสินกันด้วยความสามารถ แต่ก็น่าเศร้าที่ว่าแม้แต่นักฟุตบอลดังๆ หรือโค้ชที่มีชื่อเสียงยังถูกเหยียดผิวและเชื้อชาติ
การถูกเหยียดผิวถูกเหยียดเชื้อชาติมาจากความเกลียดชัง ซึ่งเจ้าความเกลียดชังนี่เองก็เป็นบ่อเกิดของปัญหาความรุนแรงต่างๆ ปัญหาความรุนแรงจะไม่มีทางหมดจากโลก ถ้าหากความเกลียดชังยังอยู่ อย่างกรณีหนังสือพิมพ์ชาร์ลี เอ็บโด แน่นอนว่าการยิงถล่มหนังสือพิมพ์คงไม่ใช่เรื่องถูกแน่ เพราะมีคนบาดเจ็บเสียชีวิต แต่ก็ต้องยอมรับว่าสื่อเจ้านี้ก็ไม่ได้ทำหน้าที่สื่อที่ดีเลย หลายครั้งแล้วที่เขียนเสียดสีล้อเลียนเรื่องของศาสนา และแม้จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงก็ไม่มีท่าจะหยุด พวกเขายังเขียนการ์ตูนล้อเลียนศาสดาของศาสนาอิสลามหลังเกิดเหตุ ซึ่งถ้ายังเป็นอย่างนี้อีก เราก็ไม่แน่ใจว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงอีกหรือไม่ เพราะฝ่ายหนึ่งก็โกรธแค้นหนังสือพิมพ์ที่ทำหน้าที่สื่อที่แย่
ขณะที่อีกฝ่ายอ้างเรื่องเสรีภาพแต่ไม่คำนึงถึงจรรยาบรรณสื่อ
ข่าวเด่น