หุ้นทอง
"บล.โกลเบล็ก"วางเป้าผลการดำเนินงานโต 15%/ เพิ่มมาร์เก็ตแชร์รายย่อย


บล.โกลเบล็ก  ฉายภาพธุรกิจโบรกเกอร์ปีนี้แข่งดุหลังเปิดเสรี ด้าน “ ธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GBS คาดผลการดำเนินงานโตขึ้น 15% จากมูลค่าการซื้อขายของตลาดฯ เฉลี่ยที่ 40,000 ล้านบาทต่อวัน เน้นการธุรกิจสร้างรายได้หลักอย่างนายหน้ารวมหลักทรัพย์และอนุพันธ์ พร้อมตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ลูกค้ารายย่อยปี 2558 ไว้ที่ 3.15% จากปีก่อนอยู่ที่ 2.73% ส่วนกรอบดัชนีหุ้นไทยให้ไว้ที่ 1,375-1,790 จุด หาจังหวะสะสมหุ้นรับอานิสงส์โครงการรัฐ


นายธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยถึง ภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2558 ว่า  บริษัทฯยังให้ความสำคัญในส่วนรายได้ค่านายหน้าเป็นหลักซึ่งคาดว่า ปี 2558 มีรายได้ค่านายหน้ารวมหลักทรัพย์ และอนุพันธ์เติบโตรวม  15% จากการขยายกลุ่มลูกค้ารายใหม่ การปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ  แม้ว่าจะมีการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น แต่บริษัทฯก็มีการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ส่วนลูกค้ารายย่อยในปี 2558 ไว้ที่ 3.15% จากปี 2557 ซึ่งอยู่ที่ 2.73% โดยคาดว่าบัญชีลูกค้าบริษัททั้งหลักทรัพย์ และอนุพันธ์เพิ่มขึ้นกว่า  25,000 บัญชี ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 22,000 บัญชี คิดเป็นบัญชีที่มีการเคลื่อนไหวสม่ำเสมอในสัดส่วน 50% ของบัญชีทั้งหมด  และยังคงมีการแผนการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับการแข่งขันของธุรกิจโบรกเกอร์ที่รุนแรงมากขึ้นหลังการเปิดเสรี โดยบริษัทได้ใช้งบลงทุนในการปรับปรุงพัฒนาระบบเทคโนโลยี  ทั้งหลักทรัพย์ และตราสารอนุพันธ์ในช่วงปี 2557-2558  เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงระบบต่างๆ ผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น เพื่อเป็นการรองรับการแข่งขันกับตลาดทุนภูมิภาค AEC  และบริษัทฯ ยังมีแผนเพิ่มบุคลากรเจ้าหน้าที่การตลาดรุ่นใหม่ และที่มีประสบการณ์ เพื่อมาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้บริษัทอีกด้วย

นอกจากนี้ บริษัทฯ เปิดให้ผู้สนใจการลงทุนเข้ามาอบรมเพิ่มเติมความรู้ด้านการลงทุน อาทิ ศึกษางบการเงิน การวิเคราะห์ทางเทคนิคเบื้องต้น ทั้งนี้เพราะบริษัทกำลังศึกษารายละเอียดทางระบบการลงทุนเชิงกลยุทธ์การวิเคราะห์หลัก ทรัพย์ สร้างโมเดลการซื้อขายด้วยตนเอง ด้วยระบบ MT4/MT5 และคาดว่าจะเพิ่มระบบการซื้อขายหุ้นเพิ่มเติมอย่าง I2Trade เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของนักลงทุน คาดว่าน่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2558 นี้ โดยสามารถตรวจสอบความเคลื่อนไหวสำคัญ ตารางการอบรม และลงทะเบียนได้ที่  www.globlex.co.th  นอกจากนี้โกลเบล็กเริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้ามาของสินค้าเกษตรล่วงหน้า (AFET) ที่จะเข้ามาร่วมอยู่ใน TFEX ด้วยเช่นกัน

“บริษัทยอมรับว่าการเปิดเสรีโบรกเกอร์ในช่วงที่ผ่านมากระทบต่อบริษัทหลักทรัพย์ในด้านของรายได้ค่านายหน้าซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทอย่างเห็นได้ชัด แต่อย่างไรก็ตามก็มีผลดีต่อภาพรวมตลาดทุนไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดทุนส่วนภูมิภาคได้ ซึ่งบริษัทฯกลับพลิกวิกฤตตงนี้เป็นโอกาส โดยการจัดโครงการ Super  trader ซึ่งเป็นส่วนสร้างนักลงทุนรุ่นใหม่ทั้งที่เคยมีประสบการณ์ และไม่มีประสบการณ์ โดยโครงการได้เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 4/2557 ที่ผ่านมา และได้การตอบรับด้วยดี นอกจากนี้ยังปรับปรุงบทวิเคราะห์ให้กระชับ รวดเร็ว และหลากหลายยิ่งขึ้นเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน ”นายธนพิศาล กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บล. โกลเบล็ก (GBS) กล่าวเพิ่มว่า ยังคงมีมุมมองเชิงบวก สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นไทยในปี 2558  เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2558 จะฟื้นตัวจากปี 2557  ราว 3.5 – 4% โดยมีแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558  การมีโครงการลงทุนภาครัฐ การเปิดประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ โดยวางกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยไว้ที่ 1,375 - 1,790 จุด

ขณะที่ปัจจัยบวกที่ส่งผลบวกต่อดัชนีตลาดหุ้นไทย ยังคงเป็นเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวช่วยสนับสนุนการเพิ่มขึ้นกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ภายในปี 2558 และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) ของประเทศขนาดใหญ่ เช่น จีน ญี่ปุ่น ยูโรโซน  รวมถึงราคาน้ำมันที่ลดลงช่วยลดต้นทุนการผลิต

ส่วนในด้านของปัจจัยลบที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นการลงทุน และดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 2558  คือ การเกิดสงครามค่าเงิน จากการที่ธนาคารกลางของแต่ละประเทศต่างดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อให้ค่าเงินของประเทศตัวเองอ่อนค่าลงเพื่อกระตุ้นการส่งออก  และธนาคารกลางสหรัฐมีโอกาสขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงครึ่งหลังของปี 2558  รวมทั้งเสถียรภาพของการเมืองในประเทศเอง และการเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้าทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าหรือไม่

แต่อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มขยายตัว  รวมทั้งค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าตามตลาดในภูมิภาคเดียวกัน จะช่วยดึงความเชื่อมั่นและกระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย

ดังนั้นจึงวางกลยุทธ์การลงทุนในปี 2558  โดยในช่วงจังหวะที่ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสอ่อนตัวจากปัจจัยภายนอก อาทิ ความกังวลว่ากรีซอาจต้องออกจากกลุ่มยูโรโซน ถือเป็นโอกาสดีในการทยอยซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ได้รับอานิสงส์จากการลงทุนโครงการภาครัฐการเปิดประมูลก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ , กลุ่มธนาคาร สินเชื่อขยายตัวโดดเด่นตามภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว , กลุ่ม ICT ได้รับอานิสงส์จาก Digital economy และการเปิดประมูล 4G ที่เร็วขึ้นจากกำหนดการเดิม และกลุ่มท่องเที่ยวและสายการบิน ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ลดลงทำให้ต้นทุนพลังงานลดลง
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 30 ม.ค. 2558 เวลา : 13:01:28
24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 8:25 am