"เกียรตินาคิน"เตรียมคุมเอ็นพีแอลลดต่ำกว่า 5% เชื่อราคาน้ำมันลดหนุนกำลังซื้อ พร้อมตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 6% เน้นกระจายรายได้ปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าในกลุ่มบรรษัท และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าหมายสินเชื่อรวมเติบโต 6% ในปี 2558 หลังจากที่ปี 2557 สินเชื่อของธนาคารลดลง 3.2 % ซึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า โดยในปีนี้กลุ่มสินเชื่อที่จะสามารถขยายตัวได้ดี ส่วนหนึ่งยังมาจากสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่คาดว่ายอดขายรถยนต์ในปีนี้จะอยู่ที่ 9.4 แสนคัน แต่จะสามารถถึงในระดับนี้หรือไม่นั้นต้องขึ้นอยู่กับภาพรวมของตลาดรถยนต์ในช่วงต้นปีนี้ด้วย
ขณะเดียวกันธนาคารจะเจาะกลุ่มสินเชื่อบรรษัทและสินเชื่อธุรกิจ โดยจะเน้นในกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี เนื่องจากลูกค้าในกลุ่มนี้ของธนาคารยังมีไม่มากนัก เพราะกว่า 65% ของยอดสินเชื่อคงค้าง 1.84 แสนล้านบาท เป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่งยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้ โดยเฉพาะสินเชื่อลูกค้าบรรษัทที่ปีนี้ธนาคารตั้งเป้าหมายจะเติบโตทางสินเชื่อของลูกค้ากลุ่มนี้เกือบ 100 % เพราะฐานเล็กมาก ทั้งนี้การขยายสินเชื่อไปยังกลุ่มธุรกิจจะทำให้เกิดการกระจายรายได้ของธนาคารที่ดีขึ้น เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว
“หากพิจารณาแนวโน้มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยปีนี้ ทาง บล.ภัทร ประเมินว่าจีดีพีจะขยายตัวราว 3.7% ซึ่งธนาคารจะหันมาให้ความสำคัญบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่และบริษัทขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อรวมที่ 6% ซึ่งมาจากการขับเคลื่อนของสินเชื่อบรรษัทและสินเชื่อธุรกิจเป็นหลัก ทำให้เกิดการกระจายรายได้ของกลุ่มฯที่ดีขึ้น เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว”นายอภินันท์กล่าว
นายอภินันท์กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ธนาคารจะเน้นกลยุทธ์ 3 ด้านใหญ่ในปีนี้ เริ่มต้นจากการพัฒนาช่องทางในการให้บริการโดยเฉพาะสาขา ปัจจุบันธนาคารมีสาขารวมสำนักงานใหญ่ 86 แห่ง จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและสนับสนุนธุรกิจการให้คำปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคล (Wealth Management) อย่างครบวงจร ตลอดจนเพิ่มช่องทางการบริการผ่านพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อให้ช่องทางการขายสมบูรณ์มากขึ้น ตัวอย่างเช่นการร่วมกับ บริษัท บี-ควิก และบริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด ในเครือซีพี ออลล์ ในการเปิดช่องทางการให้บริการสินเชื่อรถ กู้เงินด่วน Car Quick Cash
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้เพิ่มช่องทางการให้บริการเงินฝาก ด้วยการรับฝากเงินสดจากตู้เอทีเอ็มของทุกธนาคารอีกด้วย ถัดมาคือการเพิ่มพันธมิตรทางธุรกิจ ที่ผ่านมาธนาคารได้ลงนามในสัญญาการทำธุรกิจ แบงก์แอสชัวรันส์กับบริษัท เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) โดยธนาคารจะเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตของเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ แต่เพียงรายเดียวเป็นระยะเวลา 15 ปี ผ่านช่องทางต่างๆ ของธนาคารเริ่มตั้งแต่ต้นปี 2558 ที่ผ่านมา และล่าสุดธนาคารได้รับการคัดเลือกให้เป็น Captive Partner กับซูซูกิ โดยเริ่มดำเนินการแล้วในเดือนกุมภาพันธ์นี้
ส่วนประการสุดท้ายที่สำคัญ คือ การเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้มีความหลากหลาย อาทิ บัตร KK ATM ที่เพิ่มความคุ้มครองประกันอุบัติเหตุ ค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ และชดเชยรายได้ (ขึ้นอยู่กับประเภทของบัตร) นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใช้ความร่วมมือของกลุ่มธุรกิจฯ โดยอยู่ระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า Lombard Loan เป็นการให้เงินกู้สำหรับลูกค้าบุคคลรายใหญ่ของธุรกิจตลาดทุน ซึ่งใช้เงินลงทุนของลูกค้าเป็นหลักประกัน โดย Lombard Loan นี้ เป็นผลิตภัณฑ์พื้นฐานของ Private Banking ทั่วโลกที่ให้บริการอยู่ แต่ยังค่อนข้างใหม่ในเมืองไทย คาดว่าจะเปิดตัวได้ภายในกลางปีนี้
ด้าน นายชวลิต จินดาวณิค ประธานสายการเงินและงบประมาณ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารพยายามบริหารจัดการให้ระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ลดลงต่ำกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 5.5% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของทุกกลุ่ม โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่มีอัตราการเพิ่มขึ้น 2.9 % ในปีที่ผ่านมา แต่มีสัญญาณคุณภาพหนี้ของลูกค้ากลับมาดีขึ้นตามการฟื้นตัวของปัจจัยเศรษฐกิจภายในประเทศ ประกอบกับได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากราคาน้ำมันที่ลดลง ทำให้ลูกค้ามีความสามารถในการชำระหนี้เพิ่มขึ้น โดยจะพยายามลดลงให้เหลือราว 4% ต้นๆ
นายกฤติยา วีรบุรุษ ประธานธุรกิจตลาดทุน กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร และกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนภัทร จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้ ภัทรมองว่าตลาดหลักทรัพย์จะยังคงผันผวนอย่างต่อเนื่อง และดัชนีจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง โดยแนะนำให้ลงทุนด้วยความระมัดระวัง
สำหรับแผนการดำเนินงานของธุรกิจตลาดทุนในปี 2558 นี้ นอกจากการผลักดันการเติบโตของธุรกิจในทุกๆ ด้านตามที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปีแล้ว ในปีนี้จะมุ่งเน้นการพัฒนาใน 3 ด้านหลัก กล่าวคือ การเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพการให้บริการลูกค้าบุคคล ทั้งด้านคุณภาพการให้คำแนะนำ และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินและบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า การปรับปรุงรูปแบบการให้บริการเพื่อสนับสนุนการขยายฐานลูกค้าบุคคลขนาดกลาง โดยมีแผนที่จะนำ online platform ใหม่มาใช้ประมาณไตรมาสสองของปีนี้
ด้านที่สองที่ภัทรให้ความสำคัญ คือ การขยายตัวของส่วนธุรกิจการลงทุน มีการพัฒนากลยุทธ์การลงทุนใหม่ๆ รวมถึงแผนที่จะขยายการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีศักยภาพ ท้ายสุดนี้ ภัทรจะมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพการให้บริการลูกค้าบรรษัทให้ครอบคลุมมากขึ้น มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่เหมาะสมให้แก่ลูกค้า เพื่อเพิ่มทางเลือกในการระดมทุน สำหรับ บล.เคเคเทรด จะยังคงพัฒนาธุรกิจออนไลน์ของบริษัทให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เน้นการดูแลลูกค้าเป็นสำคัญ การให้คำแนะนำที่เหมาะสม และการพัฒนาระบบการซื้อขายให้มีความฉับไว สะดวกสบายและใช้งานได้ง่าย
ข่าวเด่น