แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะเริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น แต่หากมองมาที่กำลังซื้อของผู้บริโภคยังคงอยู่ในสภาวะที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากผู้บริโภคมีรายได้ลดลงก็ยังคงไม่มีกำลังซื้อที่จะออกมาจับจ่ายใช้สอย ขณะที่กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อก็ยังไม่กล้าควักเงินออกจากกระเป๋า ปัจจัยที่เกิดขึ้นดังกล่าวส่งผลให้หลายกลุ่มสินค้ายังคงได้รับผลกระทบ และ บริษัท เทพผดุงพรมะพร้าว จำกัด ก็เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ
นายอภิศักดิ์ เทพผดุงพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทพผดุงพรมะพร้าว จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหาร ภายใต้ตราสินค้า "ชาวเกาะ" "แม่พลอย" และ "ยอดดอย" กล่าวว่า กำลังซื้อของผู้บริโภคในช่วงต้นปีที่ผ่านมายังคงอยู่ในภาวะชะลอตัว ซึ่งจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ผลประกอบการในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้หรือมีการเติบโตลดลงไปประมาณ 10-15% เนื่องจากผู้บริโภคไม่มีอารมณ์จับจ่าย
ทั้งนี้ หากภาครัฐยังไม่สามารถหาวิธีในการเพิ่มรายได้แก่ประชากรได้ อาจส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคเป็นเช่นนี้ยาวไปจนถึงช่วงกลางปีได้ เช่นเดียวกับปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าอยู่ตอนนี้ ถือเป็นอุปสรรคและเป็นปัญหาติดขัดในการดำเนินธุรกิจ เพราะธุรกิจของบริษัทเน้นการส่งออกไปยังต่างประเทศมากถึง 80% ส่วนที่เหลืออีก 20% จะเป็นการทำตลาดในประเทศไทย
ปัจจุบันค่าเงินบาทของไทยถือว่าอยู่ในสภาวะที่แข็งค่าอย่างมากเมื่อเทียบกับสกุลเงินในประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย หรือสิงคโปร์ ซึ่งปัจจุบันก็มีปัญหาค่าเงินแข็งค่า และจากปัญหาที่เกิดขึ้นส่งผลให้แต่ละประเทศต่างพยายามทำให้ค่าเงินของตัวเองอยู่ในระดับที่พอดี โดยหากเป็นไปได้อยากให้เงินบาทมีการอ่อนค่าลงอีกสักหน่อย เพื่อไม่ให้เสียเปรียบในการแข่งขันกับประเทศอื่น
นายอดิศักดิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศจะไม่ค่อยดีแล้ว ในส่วนของภาพรวมเศรษฐกิจโลกส่วนมากในขณะนี้ก็ยังไม่ดี ทำให้บริษัทต้องปรับตัวให้สอดรับกับปัจจัยลบต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยอาจมีการช่วยเหลือลูกค้าของบริษัท ด้วยการทำโปรโมชั่นซื้อสินค้า 10 ลัง แถม 1 ลัง หรือลดราคาสินค้าลงบ้าง ซึ่งทำให้บริษัทมีผลกระทบกับผลกำไรพอสมควร ซึ่งจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นดังกล่าว หากมีความยืดเยื้ออาจทำให้บริษัทมียอดขายไตรมาสแรกลดลงไป 5-10%
สำหรับภาพรวมยอดขายปี 2557 ที่ผ่านมา บริษัท เทพผดุงพรฯ มียอดขายรวมประมาณ 6,000 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตกว่า 30% ซึ่งสูงกว่าที่ได้เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่สวนกระแสเศษฐกิจโลกที่มีการชะลอตัวต่อเนื่อง และนับเป็นยอดขายสูงสุดตั้งแต่บริษัทเริ่มดำเนินธุรกิจมา
ปัจจัยที่ทำให้บริษัท เทพผดุงพรฯ มีรายได้สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในปีที่ผ่านมา คือ การบริหารวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในปี 2557 สัดส่วนการใช้วัตถุดิบที่นำเข้าจากต่างประเทศต่อการรับซื้อวัตถุดิบจากเกษตรกรในประเทศอยู่ในอัตราร้อยละ 15:85 ซึ่งเป็นการนำเข้ามะพร้าวจากอินโดนีเซียในช่วงต้นปีเพียงช่วงเดียว จากเดิมที่ต้องนำเข้าเฉลี่ยทั้งปีมากกว่า 20%
นอกจากนี้ การบริหารวัตถุดิบในประเทศ โดยการประเมินผลผลิตโดยรวมในแต่ละช่วง จากแปลงทดลองของบริษัท เทพผดุงพรฯฯ ร่วมกับการใช้กลไกราคารับซื้อในราคาสูงกว่าราคาตลาด เพื่อพยุงราคามะพร้าว ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญ ทั้งในช่วงที่มะพร้าวมีปริมาณมากและช่วงขาดแคลน จึงทำให้บริษัท เทพผดุงพรฯ มีวัตถุดิบคงคลัง เพื่อการผลิตสินค้าได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ขณะที่เกษตรกรชาวสวนมะพร้าวก็มีรายได้สูงในอัตราที่พอใจ
นายอดิศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตของยอดขายในปีนี้ไว้ที่ 3-5% ซึ่งไม่สูงมากนัก เนื่องจากผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาถือเป็นยอดขายสูงที่สุดที่เคยทำได้ โดยปีนี้บริษัทได้จัดสรรงบลงทุนราว 300 ล้านบาท เพื่อการขยายไลน์การผลิตในหลายผลิตภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์ชาวเกาะในสินค้าประเภทกะทิ น้ำมะพร้าว น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ และมะพร้าวอบกรอบ เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20% แบ่งเป็นซื้อเครื่องจักรทั้งโรงงานชาวเกาะและแม่พลอยประมาณ 100 ล้านบาท และการพัฒนาระบบดูแลสิ่งแวดล้อมรอบๆ โรงงานราว 200 ล้านบาท ซึ่งการติดตั้งเครื่องจักรและระบบดูแลสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2 นี้
หลังจากติดตั้งเครื่องจักรใหม่ บริษัท เทพผดุงพรฯ คาดว่าโรงงานชาวเกาะจะมีกำลังการผลิตสูงสุดถึง 120,000 ตันต่อปี แต่จะผลิตที่ 80,000 ตันต่อปีก่อน โดยจะคงสัดส่วนในการผลิตสินค้าแบรนด์ชาวเกาะและแม่พลอยไว้ที่ 97% ยอดดอยและอื่น ๆ อีก 3% ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งสินค้าหลักของแบรนด์ชาวเกาะ 3 ลำดับแรกที่ผลิตมากที่สุด ประกอบด้วย กะทิสำเร็จรูป น้ำมะพร้าว และผักผลไม้ ส่วนโรงงานแม่พลอยจะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 20,000 ตันต่อปี โดยน้ำจิ้มไก่ พริกแกง และน้ำพริกเผา ยังคงเป็นสินค้าหลักในการผลิต
ด้านการขยายตลาด บริษัท เทพผดุงพรฯ มีแผนที่จะเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ในตลาดอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดหลักที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดเพิ่มขึ้น ด้วยผลิตภัณฑ์น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์และมะพร้าวอบกรอบ ส่วนตลาดในแคนาดาและออสเตรเลีย จะเน้นน้ำมะพร้าวเป็นผลิตภัณฑ์หลัก และจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดใหม่ต่อเนื่อง ด้วยน้ำมันมะพร้าว ซึ่งจากการเปิดตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในปีที่ผ่านมา พบว่า ได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก
นายอภิศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อสร้างโอกาสในการขยายตลาดใหม่ ๆ บริษัทจึงได้ตอบรับเข้าร่วมงานเทรดแฟร์สำคัญ ๆ ในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตะวันออกกลางและจีนซึ่งมีกำลังซื้อมาก ส่วนตลาดในประเทศปีนี้เราจะบุกตลาดต่อเนื่องด้วยผลิตภัณฑ์น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ และเน้นการทำตลาดในแบรนด์แม่พลอยด้วยผลิตภัณฑ์น้ำจิ้มไก่และพริกแกงมากขึ้น ซึ่งด้วยแผนงานนี้คาดว่าจะสามารถเพิ่มยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน
ปัจจุบันบริษัท เทพผดุงพรมะพร้าว จำกัด ถือเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารประเภทกะทิสำเร็จรูปในรูปแบบต่างๆ เพื่อการส่งออกรายใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลก ร่วมด้วยเครื่องปรุงรส น้ำพริกแกง น้ำจิ้ม และผักผลไม้แปรรูปชนิดต่าง ๆ คิดเป็นสัดส่วนการส่งออก 80% และในประเทศ 20% ครอบคลุมกลุ่มลูกค้ากว่า 27 ประเทศทั่วโลก โดยสัดส่วนการจัดจำหน่ายในตลาดหลัก ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกาและแคนาดา 55% ประเทศในกลุ่มโอเชียเนีย ประกอบด้วย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และหมู่เกาะ 16% เอเชียแปซิฟิกรวมจีนและญี่ปุ่น 15% ประเทศในเขตทวีปยุโรป 13%
แม้ว่าจะมีปัจจัยลบที่รุมเร้า แต่จากการเดินหน้าขยายตลาดการส่งออกไปยังประเทศใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง น่าจะพอช่วยให้ บริษัท เทพผดุงพรฯ มีรายได้เติบโตตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ว่าช่วงเดือนแรกจะมียอดขายลดลงจนทำให้ใจเสียไปบ้างเล็กน้อย.
ข่าวเด่น