ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี เกาะติดตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรก ห่วงอุปสงค์ไม่ฟื้นตัว ซ้ำเติมเศรษฐกิจไทยเปราะบาง พร้อมจับตาปัญหาเพดานหนี้สหรัฐ หวั่นกระทบตลาดทุนผันผวนอีกรอบ
นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้อำนวยการอาวุโสศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยยังมีการฟื้นตัวที่เปราะบาง แม้จะไม่มีแรงกดดันเงินเฟ้อเป็นอุปสรรคในปีนี้ เพราะราคาน้ำมันที่ต่ำลง 50% จากปีก่อนทำให้เงินเฟ้อทั่วไปในเดือนม.ค.ที่ผ่านมาติดลบ 0.41% เมื่อเทียบกับเดือนกันของปีก่อน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำจนน่าแปลกใจ ทั้งนี้เมื่อดูอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ตัดราคาน้ำมันออก ยังถือว่าเคลื่อนไหวในกรอบปกติ เพราะมีความต้องการสินค้าไม่คงทนกลับเข้ามาสะท้อนว่าความต้องการบริโภคหรืออุปสงค์เริ่มกลับคืนมาจากที่หายไปก่อนหน้านี้ โดยทีเอ็มบีคาดกรอบเคลื่อนไหวเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้อยู่ที่ 0.5-1%
“ต้องติดตามสัญญาณด้านอุปสงค์ในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้าว่ายังฟื้นตัวต่อเนื่องหรือไม่ ซึ่งหากการบริโภคต่อเนื่องก็ลดความกังวลในเรื่องเงินฝืดไปได้ แต่หากตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 1 ของปีนี้ไม่ดี และการบริโภคลดลงทำให้ไทยอาจต้องเผชิญความเสี่ยงภาวะเงินฝืดได้ แม้ปัจจุบันโอกาสเงินฝืดเกิดขึ้นน้อย อย่างไรก็ดี ความกังวลเงินเฟ้อที่ลดลงทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีช่องให้ใช้นโยบายการเงินดูแลเศรษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยนได้”นายเบญจรงค์กล่าว
นายเบญจรงค์กล่าวต่ออีกว่า สำหรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจจะอยู่ระดับ 2.0% ไปจนถึงสิ้นปีนี้ตามการเคลื่อนไหวของดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด และอาจจะมีการปรับขึ้นได้หากเฟดขึ้นดอกเบี้ยในครี่งปีหลัง ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนในปีนี้มีทิศทางอ่อนค่าจากปีก่อน โดยครึ่งปีแรกอยู่ที่ 32.50 -33.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และครึ่งปีหลังอยู่ที่ 33.00 -33.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่เฟดขึ้นดอกเบี้ยปลายปี
“ตลาดทุนของไทยมีความเสี่ยงที่เผชิญกับความผันผวนหากประเด็นเพดานหนี้ของสหรัฐอเมริกากลับมาเป็นปัญหาจนส่งผลให้เกิดปัญหาหน้าผาทางการคลังกลับมาอีกครั้ง ซึ่งต้องจับตาดูเรื่องนี้ในช่วงไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ว่า ผลประชุมสภาสหรัฐออกมาว่าอย่างไร”นายเบญจรงค์กล่าวและว่า สำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปีนี้ขึ้นกับการเบิกจ่ายงบประมาณจากภาครัฐเป็นหลัก โดยมองจีดีพีปีนี้โต 3.5% และส่งออกที่ 3% และเตรียมทบทวนเป้าจีดีพีใหม่หากเศรษฐกิจต่างประเทศชะลอตัวกว่าที่คาดการณ์ไว้
ข่าวเด่น