หลังจาก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด ออกมาประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจ ด้วยการหันมารุกธุรกิจเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอลล์มากขึ้น เพื่อนำรายได้ในส่วนของธุรกิจดังกล่าวมาชดเชยธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง
จากแนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าว ส่งผลให้ บริษัท ไทยเบพเวอเรจ ออกมาปักธงวางเป้าหมายรายได้ในปี 2563 ไว้ว่าต้องการจะมียอดขายกลุ่มเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ คิดเป็นสัดส่วนรายได้ไม่ต่ำกว่า 50% จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้เพียง 10% หรือมีรายได้ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาทในปี 2557 แบ่งเป็นรายได้ที่มาจากบริษัทในเครืออย่างบริษัท โออิชิ กรุ๊ป 6,000 ล้านบาท บริษัท เสริมสุข 11,000 ล้านบาท บริษัท ไทยดริ้งค์ 1,000 ล้านบาท และบริษัท เอฟแอนด์เอ็น อีกประมาณ 12,000 ล้านบาท
สำหรับบริษัทที่ ไทยเบพเวอเรจ จะเดินหน้าปลุกปั้นธุรกิจให้มีรายได้เพิ่มเติมนับตั้งแต่ปีนี้ คือ บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด ด้วยการวางตำแหน่งให้เป็นผู้ดูการจัดจำหน่ายเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอลล์และทำการตลาดมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันสัดส่วนรายได้ที่มาจากบริษัท ไทยดริ้ง ยังถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆ ในเครือ
นายมารุต บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด ในเครือบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ บริษัทจะให้ “ไทยดริ้งค์” เป็นผู้ดูแลการจัดจำหน่ายเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์มากขึ้นทั้งตลาดในประเทศไทยและตลาดอาเซียน เพื่อผลักดันให้สัดส่วนรายได้ที่มาจากธุรกิจนอนแอลกอฮอล์มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 50% หรือคิดเป็นรายได้กว่า 1.5 แสนล้านบาทของยอดขายกลุ่มเครื่องดื่มทั้งหมดของบริษัทให้เดินไปถึงเป้าหมายภายในปี 2563
จากแนวทางดังกล่าว บริษัท ไทยดริ้งค์ จึงจำเป็นต้องมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้น ซึ่งล่าสุดได้มีการเปิดตัวเครื่องดื่มอัดลมเพื่อสุขภาพภายใต้ชื่อ "100 พลัส" เข้ามาทำตลาด โดยภายในปีหน้าจะมีเปิดตัวผลิตถัณฑ์ใหม่อีก 1 ตัว จากกลุ่มเอฟแอนด์เอ็น เข้ามาทำตลาดในไทยและอาเซียนภายใต้การดูแลของไทยดริ้งค์เพิ่มขึ้น
สำหรับแผนการทำตลาดของเครื่องดื่ม “100 พลัส” นั้น ภายใน 5 ปีนับจากนี้ บริษัท ไทยดริ้งค์ มีแผนที่จะใช้งบ 3,000 ล้านบาท ทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ภายในปี 2563 เครื่องดื่ม “100 พลัส” มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท ขณะที่ในปีแรกนี้มั่นใจว่าจะมีรายได้ที่ 2,500 ล้านบาท
ในส่วนของรูปแบบการทำตลาด ขณะนี้ได้เริ่มวางจำหน่ายสินค้าไปตามช่องทางต่างๆ แล้วตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมาใน 3 รูปแบบ คือ กระป๋อง ราคา 10 บาทในทุกช่องทาง ขวดแก้วราคา 10 บาทในช่องทางร้านค้าทั่วไป และขวดเพ็ท ราคา 12 บาทในช่องทางโมเดิร์นเทรด
ปัจจุบัน “100 พลัส” ถือเป็นแบรนด์ระดับโลกและมียอดขายเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มน้ำอัดลมในหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย มีแชร์ 15% โดยในเอเชียเข้าไปทำตลาดแล้วหลายประเทศ เช่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ภายใต้การทำตลาดของ “เอฟแอนด์เอ็น”
ด้าน นางเจษฎากร โคชส์ รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด กล่าวว่า การเปิดตัวนวัตกรรมเครื่องดื่มอัดลมเพื่อสุขภาพ ภายใต้แบรนด์ 100 พลัส ในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการปฏิวัติเกมตลาดเครื่องดื่มอัดลมในประเทศไทยที่มีมากว่า 50 ปี ยังถือเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ในการบุกตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของไทยดริ้งค์ ด้วยแบรนด์ระดับโลกที่ได้รับการยอมรับจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ
ปัจจุบันตลาดน้ำอัดลม ถือเป็นตลาดเครื่องดื่มที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของตลาดเครื่องดื่มโดยรวม ด้วยการมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 47,000 ล้านบาท ในแต่ละปีมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ประมาณ 4% แม้จะเป็นอัตราการเติบโตที่ไม่สูง แต่เนื่องจากยังมีช่องว่างให้เข้ามาทำตลาดอีกมาก บริษัท ไทยดริ้งค์ จึงเล็งเห็นโอกาสด้วยการเปิดตัว 100 พลัส เข้ามาทำตลาด เพราะเชื่อว่าเครื่องดื่มดังกล่าวจะสามารถเข้ามาเปลี่ยนเกมการแข่งขันและช่วยปฏิวัติตลาดน้ำอัดลมของประเทศไทยให้มีความคึกมากขึ้น
สำหรับแผนการทำตลาดในปีนี้ บริษัท ไทยดริ้งค์ ได้เตรียมงบ 400 ล้านบาท ในการทำกิจกรรมการตลาดทั้งปี เพื่อแจ้งเกิดเซกเมนท์ใหม่ให้กับตลาดน้ำอัดลมที่เรียกว่า “เครื่องดื่มอัดลมเพื่อสุขภาพ” เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง และสร้างความคึกคักให้เกิดขึ้นอีกครั้ง ด้วยการอิงกระแสสุขภาพ เพราะจากการสำรวจผู้บริโภค พบว่า คนไทยให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง 100 พลัส สามารถตอบความต้องการนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะให้ทั้งความสดชื่น พร้อมคืนคุณประโยชน์ให้กับร่างกายที่สูญเสียไประหว่างการทำกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวัน
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะทำการสื่อสารแบบ 360 องศา เพื่อสร้างการรับรู้และการเข้าใจถึงคุณประโยชน์ของ 100 พลัส ภายใต้คอนเซปต์ "เพราะชีวิตยังต้องไปต่อ" ผ่าน 3 กลุ่มพรีเซนเตอร์ตัวแทนคนเจนซีที่มีไลฟ์สไตล์สุดแอคทีฟ นำทีมโดย “ตูน บอดี้สแลม” “เทยเที่ยวไทย” และ “แพร์ พิมพิศา จิราธิวัฒน์” เพื่อผลักดันให้ทุกคนเต็มที่กับทุกกิจกรรม โดยไม่ต้องถูกจำกัดจากความเหน็ดเหนื่อย และพร้อม "ไปต่อ" ได้
ขณะเดียวกันยังเตรียมแจกเครื่องดื่ม 100 พลัส มากที่สุดในประวัติศาสตร์จำนวน 10 ล้านตัวอย่าง เพื่อให้ผู้บริโภครับรู้และทดลองผลิตภัณฑ์ ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือก 2 รสชาติ คือ รสซิตรัส และรสเลมอนไลม์
นางเจษฎากร กล่าวปิดท้ายว่า มั่นใจว่าด้วยศักยภาพความแข่งแกร่งและความพร้อมของ “100 พลัส” เครื่องดื่มอัดลมเพื่อสุขภาพที่ตอบโจทย์ทั้งด้านความอร่อยสดชื่นและสุขภาพที่ได้รับความนิยมในเอเชียและตลาดโลก จะมีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนเกมตลาดเครื่องดื่มอัดลม และส่งผลให้บริษัทมียอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2,500 ล้านบาทอย่างแน่นอน
ข่าวเด่น