เทศกาลตรุษจีน หนุนชาวจีนเที่ยวไทยช่วงไตรมาสแรกปี 58 เติบโตพุ่ง 30.2 % ศูนย์วิจัยกสิกรระบุ ตลาดนักท่องเที่ยวจีนแข่งขันแรงขึ้น ฉุดนักท่องเที่ยวจีนไม่เที่ยวซ้ำในไทย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า “เทศกาลตรุษจีน” ในปีนี้ตรงกับวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2558 นับเป็นหนึ่งในเทศกาลสำคัญของประเทศจีน โดยช่วงเทศกาลตรุษจีนในปีนี้ ทางการจีนประกาศให้มีวันหยุด 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 18-24 กุมภาพันธ์ 2558 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนจีนส่วนใหญ่นิยมเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้าน เพื่อฉลองปีใหม่กับครอบครัว หรือเดินทางท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะเดียวกันยังถือเป็นช่วง Golden Week ของบรรดาผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวของจีนและประเทศต่างๆ ให้เร่งทำการตลาดเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัว กลุ่มเพื่อน และกลุ่มองค์กร ให้เดินทางไปเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนภายในประเทศจีนและต่างประเทศ รวมถึงประเทศไทย
ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นปลายทางท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆ ในหมู่นักท่องเที่ยวจีน โดยมีสัญญาณการฟื้นตัวส่วนหนึ่งมาจากการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักของจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2557 ที่ผ่านมา และภาพรวมทั้งปี 2557 นักท่องเที่ยวจีนก็ยังคงครองแชมป์ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติอันดับ 1 ของไทย โดยมีจำนวน 4,623,806 คน หดตัวร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งถือว่าดีกว่าภาพรวมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติรวมทุกตลาดที่หดตัวถึงร้อยละ 6.7
“บรรยากาศการเดินทางเข้ามายังประเทศไทยของชาวจีนยังมีสัญญาณที่ดีต่อเนื่อง สำหรับช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2558 บรรยากาศภายในของไทยก็ค่อนข้างเอื้อต่อภาคการท่องเที่ยว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีการชุมนุมทางการเมือง”ศูนย์วิจัยฯระบุ
ศูนย์วิจัยฯเปิดเผยอีกว่า สำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนมีทิศทางจะเป็นกลุ่มเดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเองมากขึ้น โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีสัดส่วนเฉลี่ยร้อยละ 56.2 ของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย ซึ่งมีสัดส่วนสูงกว่ากลุ่มที่ยังเลือกใช้บริการบริษัททัวร์เล็กน้อย (ที่มีสัดส่วนเฉลี่ยร้อยละ 43.8 ของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย) โดยผู้ประกอบธุรกิจทัวร์ของไทยก็มีการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนทั้งสองกลุ่ม ขณะที่ในปัจจุบันมีการหันไปทำตลาดใหม่ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากเมืองเศรษฐกิจรองในจีนมากขึ้น (เช่น ฉงชิ่ง ซีอาน เฉินตู เป็นต้น) เนื่องจากเป็นตลาดใหม่ที่มีกำลังซื้อและยังนิยมเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศผ่านการซื้อทัวร์
โดยปลายท่องเที่ยวของไทยที่ชาวจีนชื่นชอบก็มีการปรับเปลี่ยนไปตามปัจจัยแวดล้อม จากเดิมจะเลือกเดินทางเข้ามายังแหล่งท่องเที่ยวหลักในส่วนกลาง คือ กรุงเทพมหานคร แต่ในปัจจุบันชาวจีนมีแนวโน้มเดินทางไปท่องเที่ยวในส่วนภูมิภาคมากขึ้น ดังจะเห็นจากความคึกคักของนักท่องเที่ยวชาวจีนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากการเปิดเส้นทางบินและเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินจากจีนมายังปลายท่องเที่ยวในส่วนภูมิภาคของไทยมากขึ้น
ขณะที่ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2558 ก็มีแนวโน้มขยายตัวเป็นบวก โดยบรรยากาศชาวจีนเดินท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ยังมีสัญญาณความคึกคัก ซึ่งปลายทางท่องเที่ยวส่วนใหญ่อยู่ในภูมิภาคเอเชีย และประเทศไทยก็ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ในหมู่นักท่องเที่ยวชาวจีน ส่วนหนึ่งสะท้อนได้จากสถิติยอดจองตั๋วเครื่องบินโดยสารล่วงหน้าในช่วงไตรมาส 1 ปี 2558 โดยชาวจีนมีการจองตั๋วเครื่องบินโดยสารมายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 37 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าภาพรวมยอดจองตั๋วเครื่องบินโดยสารล่วงหน้ามายังไทยทั้งหมดในช่วงไตรมาส 1 ปี 2558 ที่ขยายตัวร้อยละ 20 และเมื่อเปรียบเทียบราคาแพ็คเกจทัวร์จากประเทศจีนไปยังแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในช่วงนี้ พบว่า ระดับราคาแพ็คเกจทัวร์มายังประเทศไทยก็อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับความนิยมข้างต้น โดยมีราคาอยู่ในระดับกลางเมื่อเทียบกับเกาหลีใต้และญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การเดินเข้ามายังประเทศไทยของชาวจีนในช่วงเทศกาลตรุษจีน น่าจะเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ดีของการกลับมาคึกคักของนักท่องเที่ยวชาวจีน จึงคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวนประมาณ 1.35 ล้านคนในช่วงไตรมาส 1 ปี 2558 เติบโตร้อยละ 30.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งการเติบโตที่สูงในไตรมาสแรกของปีนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการเปรียบเทียบฐานที่ต่ำในไตรมาสแรกของปี 2557 ที่หดตัวร้อยละ 11.9 โดยคาดว่าจะสร้างรายได้สู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวมูลค่าประมาณ 54,000 ล้านบาท เติบโตประมาณร้อยละ 32.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
สำหรับทั้งปี 2558 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวนประมาณ 5.25 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.5 จากที่หดตัวร้อยละ 0.3 ในปี 2557 และสร้างรายได้ท่องเที่ยวสะพัดไปยังพื้นที่ต่างๆ ของไทยมูลค่าประมาณ 218,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.2 จากที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 1.0 ในปีก่อนหน้า อย่างไรก็ดี การทำการตลาดเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนในระยะข้างหน้า ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวของไทย อาจจะต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เนื่องจากสถานการณ์การแข่งขันเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีนกลุ่มที่เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศเพิ่มความเข้มข้นขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียน ที่ในปัจจุบันมีมาตรการด้านวีซ่าเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งอาจจะส่งผลให้สัดส่วนตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางกลับมาเที่ยวซ้ำในประเทศไทยลดลง
“ขณะที่การใช้จ่ายต่อทริปของชาวจีนในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.2 (YoY) โดยนักท่องเที่ยวชาวจีนมีการใช้จ่ายประมาณ 41,053 บาทต่อทริป ส่วนหนึ่งก็ด้วยสถานการณ์ในไทยปีที่แล้วไม่เอื้อต่อการปรับขึ้นค่าบริการด้านต่างๆ เช่น ค่าห้องพัก ค่าแพ็คเกจทัวร์ เป็นต้น”ศูนย์วิจัยฯระบุและต่ออีกว่า จากความท้าทายข้างต้น ประกอบกับการทำตลาดเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าจากพื้นที่ใหม่ๆ ของจีน ซึ่งอาจจะมีค่าใช้จ่ายและทำให้ต้นทุนของภาคธุรกิจของไทยปรับสูงขึ้นตามกัน จึงทำให้มีผู้ประกอบการเริ่มหันมาเน้นมาทำตลาดกลุ่มที่เคยเดินทางมายังประเทศไทยแล้ว โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่มที่มีการใช้จ่ายสูงกว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไป เช่น กลุ่มท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ/ศัลยกรรมความงาม กลุ่มไฮเอนด์ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวที่หรูหรา เป็นต้น
นอกจากนี้ ภาพลักษณ์ด้านลบของนักท่องเที่ยวชาวจีนในสายตาชาวไทย และภาพลักษณ์ของไทยที่มีการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวในสายตาชาวจีน เป็นประเด็นที่ทุกภาคส่วนของไทยอาจจะต้องเร่งดำเนินการแก้ไข เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวจีนมีแนวโน้มเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแนวทางแก้ไขประเด็นเรื่องภาพลักษณ์ข้างต้น อาจจะเป็นการจัดทำคู่มือแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในประเทศไทย การบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานภาครัฐและการเป็นเจ้าบ้านที่ดีของคนไทยด้วยการเป็นหูเป็นตาของผู้คนในพื้นที่ เพื่อดูแลเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว เป็นต้น
ข่าวเด่น