การพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นเศรษฐกิจดิจิทัล นับเป็นนโยบายที่สำคัญอันหนึ่งของรัฐบาพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ซึ่ง นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ก็ยอมรับว่า ที่ผ่านมาไทยค่อนข้างได้เปรียบประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากสินค้าไทยเป็นที่นิยม แต่ยังมีจุดอ่อนเน้นผลิตสินค้าพื้นฐานโดยไม่มีนวัตกรรม ทำให้ไม่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ โดยจากการสำรวจความเห็นผู้ประกอบการทั่วโลกกว่า 1,300 ราย จาก 77 ประเทศพบว่า ไทยยังเป็นประเทศที่น่าลงทุนอันดับ 2 ของอาเซียน และอันดับ 4 ของโลก โดยเฉพาะนโยบายการเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งนักลงทุนมองว่าเป็นทิศทางที่ถูกต้อง ขณะเดียวกันในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน และเม็ดเงินลงทุนจากภาครัฐจะเริ่มเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของไทย ดังนั้นรัฐบาลจึงควรใช้จุดแข็งดังกล่าว โดยการเร่งผลักดันการประมูล 4G เพื่อให้ไทยเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลโดยเร็วที่สุด
นอกจากนี้ ยังควรร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษและสนับสนุนการเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ไทยได้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) รวมทั้งยังควรดึงดูดการลงทุนจากญี่ปุ่น เกาหลี และจีน ซึ่งต้องการใช้ไทยเข้าสู่กลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เพื่อให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในช่วงปลายปีนี้
ทั้งนี้ หากไทยไม่เร่งปรับตัว บริษัทวิจัยชั้นนำของโลก ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยจะถูกมาเลเซียและฟิลิปปินส์แซงหน้าภายในปี 2050 หรือในอีก 35 ปีข้างหน้า
สำหรับการพัฒนาระบบ 4 จี ในการดูแลของกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการ กสทช. และกรรมการกิจการโทรคมนา คม (กทค.) ด้านคุ้มครองผู้บริโภค บอกถึง ความคืบหน้าในการเปิดประมูล 4 จี ว่า กทค.ยังคงรอหนังสือตอบกลับจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามที่สำนักงาน กสทช. ได้มีหนังสือสอบถามไปว่า หากพ้นกำหนดคำสั่งชะลอการประมูลแล้ว จะสามารถเปิดประมูลได้ทันทีเลยหรือไม่
ซึ่งก่อนหน้านี้ กทค.ได้ประกาศกำหนดแผนงานที่จะเร่งประชุมหาข้อสรุปหลักเกณฑ์การประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 เมกะเฮิตรซ์ ทั้งหมดแล้ว โดยหากมีการตอบรับจาก คสช.จะทำให้ กสทช.เปิด ประมูล 4 จี คลื่น 1800 เมกะ เฮิรตซ์ ภายใน ส.ค.-ก.ย.58 นี้
ข่าวเด่น