ซัมซุงเปิดตัวซัมซุง กาแลคซี่ เอส 6 และ กาแลคซี่ เอส 6 เอดจ์ ( Galaxy S6 & Galaxy S6 edge ) สร้างนิยามใหม่ให้แก่วงการสมาร์ทโฟน กำหนดมาตรฐานใหม่ให้แก่วงการทั้งในด้านการออกแบบ ความประณีต และประสิทธิภาพ
มร. เจ เค ชิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมและไอทีของซัมซุง กล่าวว่า ซัมซุงฟังความคิดเห็นของผู้บริโภค และเรียนรู้จากทั้งความสำเร็จและความผิดพลาด เราจึงสามารถขับเคลื่อนเทคโนโลยีและแนวคิดใหม่ ออกมาได้อย่างต่อเนื่อง ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 6 และ กาแลคซี่ เอส 6 เอดจ์ มาพร้อมดีไซน์โฉมใหม่ เครือข่ายพันธมิตรที่เข้มแข็งและบริการใหม่ล่าสุดหลายประการ ผู้ใช้จึงจะได้รับประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟนระดับสุดยอดแน่นอน
ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 6 และ กาแลคซี่ เอส 6 เอดจ์ ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถันให้ทั้งสวยและครบเครื่องเรื่องประโยชน์ใช้สอย โดยใช้โลหะและกระจกเป็นวัสดุในการผลิต หากพูดถึงความสวยงาม ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 6 เอดจ์ มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก ที่สำคัญยังออกแบบมาให้ถือง่าย จับได้ถนัดมือ และมีขอบจอโค้งทั้งสองด้านเพื่อประสบการณ์การรับชมที่ดีที่สุด ตัวเครื่องที่ทำจากกระจกของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่นี้ใช้กระจกชนิดที่แข็งแรงที่สุดในโลก “Corning® Gorilla Glass® 4” และมีสีสะท้อนดุจอัญมณีให้เลือกหลากหลายสี อาทิ สีขาวมุก (White Pearl) สีดำแซฟไฟร์ (Black Sapphire) สีทองแพลทินัม (Glod Platinum) สีน้ำเงินโทปาซ (Blue Topaz) และสีเขียวมรกต (Green Emerald) ด้วยกระจกสุดพิเศษชนิดนี้ ตัวเครื่องจึงดูเด่นเป็นเอกลักษณ์เพราะสามารถสะท้อนแสงธรรมชาติได้ โดยรวมแล้ว ทั้งซัมซุง กาแลคซี่ เอส 6 และ กาแลคซี่ เอส 6 เอดจ์ แตกต่างจากสมาร์ทโฟนอื่นๆ ทั้งหมดในตลาดเพราะมีดีไซน์สุดล้ำ ก้าวข้ามขอบเขตแห่งกาลเวลาซึ่งสร้างสรรค์ออกมาเป็นจริงได้ด้วยเทคโนโลยีตัดแต่งกระจก และกระบวนการควบคุมคุณภาพแบบเหนือชั้น นอกจากนี้แล้ว สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ดังกล่าวยังมีดีมิใช่แค่ด้านความสวย หากแต่ยังมีดีในด้านคุณประโยชน์ใช้สอยด้วย ระบบการใช้งานของเครื่องได้รับการออกแบบมาใหม่เป็นพิเศษ มีความคล่องตัวมากกว่าเคย ให้ผู้บริโภคใช้งานเครื่องได้ง่ายขึ้น มีลูกเล่นและการตั้งค่าเครื่องอย่างสร้างสรรค์เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด
ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 6 และ กาแลคซี่ เอส 6 เอดจ์ มีทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังที่ถ่ายภาพได้ไว แถมยังให้ภาพสีสันสดใสอย่างเหลือเชื่อ ตัวกล้องใช้เลนส์ที่มีรูรับแสง F1.9 และมีเซ็นเซอร์ความละเอียดสูงทั้งกล้องหน้า (5 ล้านพิกเซล) และกล้องหลัง (16 ล้านพิกเซล) เรียกได้ว่าเป็นกล้องที่นำเสนอภาพคุณภาพสูงที่สุดในบรรดาสมาร์ทโฟนในการถ่ายภาพในความมืด อีกทั้งมีระบบปรับความแตกต่างของแสงอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ (Auto Real-time High Dynamic Range - HDR) ระบบลดการสั่นไหวของภาพอัจฉริยะ (Smart Optical Image Stabilization) และระบบปรับสมดุลแสงขาว (IR Detect White Balance) ทำให้ไวต่อการจับแสงและมีตัวช่วยในการถ่ายภาพที่มีประสิทธิภาพสูง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีฟีเจอร์ “Quick Launch” ให้ผู้ใช้เข้าถึงฟังก์ชั่นกล้องถ่ายรูปได้อย่างรวดเร็ว ภายในเวลาแค่ 0.7 วินาที เพียงดับเบิ้ลคลิกที่ปุ่มโฮม จึงมั่นใจได้เต็มเปี่ยมว่าจะไม่พลาดการบันทึกภาพช่วงเวลาอันมีคุณค่า ทุกที่ทุกเวลา และได้ภาพคุณภาพสูงอย่างแน่นอน
ด้วยเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายที่ได้รับการรับรองจากกลุ่มมาตรฐานระบบการชาร์จแบตเตอรี่แบบ
ไร้สายทั้ง WPC และ PMA ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 6 และ กาแลคซี่ เอส 6 เอดจ์ ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่วงการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายเพราะสามารถใช้งานร่วมกับแท่นชาร์จไร้สายทุกประเภทในตลาดที่ใช้ระบบของ WPC และ PMA ได้ ยิ่งไปกว่านั้น หากนำ กาแลคซี่ เอส 6 และ กาแลคซี่ เอส 6 เอดจ์ ไปเสียบสายชาร์จตามปกติ แบตเตอรี่จะเต็มเร็วกว่า
กาแลคซี่ เอส 5 ถึง 1.5 เท่า หรือสามารถชาร์จแบตเตอรี่เพียง 10 นาทีสำหรับใช้งานได้นานถึงราว 4 ชั่วโมงเต็ม*
กาแลคซี่ เอส 6 และ กาแลคซี่ เอส 6 เอดจ์ ตัวเครื่องบาง (6.8 มม. / 7.0 มม. ตามลำดับ) มีน้ำหนักเบา (138 กรัม /132 กรัมตามลำดับ) และบูรณาการเทคโนโลยีหลักสุดล้ำสมัยของซัมซุงไว้อย่างครบครัน สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นมาพร้อมโมบายล์โปรเซสเซอร์แบบ 14nm รุ่นแรกของโลก ชิปเซ็ตแบบ 64-bit ระบบความจำแบบ LPDDR4 และ UFS 2.0 Flash Memory ซึ่งมีประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้น มีความเร็วในการดึงข้อมูลจากหน่วยความจำเร็วขึ้น แต่ใช้แบตเตอรี่น้อยลง ยิ่งไปกว่านั้น ทั้ง กาแลคซี่ เอส 6 และ กาแลคซี่ เอส 6 เอดจ์ ยังมีระบบการเข้าและถอดรหัสสัญญาณที่อิงตามอุปกรณ์ 1440P/VP9 ระบบแรกของโลก จุดเด่นคือทำให้ผู้ใช้เรียกใช้งานวิดีโอสตรีมมิ่งแบบความละเอียดสูงได้โดยที่ใช้แบตเตอรี่น้อยลง ส่วนหน้าจอเป็นแบบ Quad HD Super AMOLED ขนาด 5.1 นิ้วที่ให้ความละเอียดภาพสูงสุดถึง 577 พิกเซลต่อตารางนิ้ว การแสดงภาพบนหน้าจอในที่กลางแจ้งมีคุณภาพสูงกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นก่อนๆ มีความสว่างหน้าจอสูงขึ้น (600 แคนเดลา/มิลลิเมตร) ผู้ใช้จึงสามารถใช้ กาแลคซี่ เอส 6 และ กาแลคซี่ เอส 6 เอดจ์ ได้อย่างสบายทุกที่ทุกเวลา ไม่ต้องกังวลว่าการแสดงภาพหน้าจอจะมีปัญหาเมื่อนำไปใช้งานกลางแจ้ง
นอกจากนี้ ระบบชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือที่ใช้งานง่ายและปลอดภัย ด้วยบริการ ซัมซุง เพย์ (Samsung Pay)บริการชำระเงินผ่านมือถือรูปแบบใหม่ที่ใช้งานง่ายและจะใช้งานได้ในพื้นที่อันหลากหลายกว่าผู้ให้บริการรายอื่นๆ โดย Samsung Pay กำลังจะเปิดตัวออกสู่ตลาดเพื่อใช้งานร่วมกับ กาแลคซี่ เอส 6 และ กาแลคซี่ เอส 6 เอดจ์ ในสหรัฐอเมริกาในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ บริการชำระเงินนี้มีความปลอดภัยสูงเพราะใช้เทคโนโลยี Samsung KNOX ผสมผสานกับระบบสแกนลายนิ้วมือ ระบบรักษาความปลอดภัยแบบ tokenization ขั้นก้าวหน้า ทั้งนี้ Samsung Pay ใช้เทคโนโลยี Near Field Communication (NFC) และ Magnetic Secure Transmission (MST) ด้วยเพื่อให้รองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ ผู้ค้าและผู้ออกบัตรเครดิตได้หลากหลาย
ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 6 และ กาแลคซี่ เอส 6 เอดจ์ ใช้เทคโนโลยี Samsung KNOX ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อสร้างแพล็ตฟอร์มที่ปลอดภัยสำหรับทุกขั้นตอนการใช้งาน ช่วยปกป้องการโจมตีระบบแบบเรียลไทม์ สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นนี้พร้อมรองรับการใช้งานในระดับองค์กรด้วยเพราะเลือกใช้เทคโนโลยีแบบ MDMs และ KNOX ที่ถูกปรับโฉมใหม่เพื่อช่วยให้การบริหารงานผ่านอุปกรณ์มือถือเป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเคย ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งกาแลคซี่ เอส 6 และ กาแลคซี่ เอส 6 เอดจ์ ยังมีฟังก์ชั่น “Find My Mobile” เพื่อช่วยตามหาตัวเครื่องในกรณีผู้บริโภคทำเครื่องสูญหาย รวมถึงช่วยคุ้มครองข้อมูลภายในตัวเครื่องผ่านเครื่องมือต่างๆ อาทิ “Reactivation lock” ที่จะสั่งล็อคตัวเครื่องแบบทางไกลได้ ที่สำคัญ ยังมีระบบหน้าจอสัมผัสที่ใช้สแกนลายนิ้วมือได้เพื่อช่วยตรวจสอบตัวตนผู้ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงมีการเก็บข้อมูลแบบเข้ารหัสไว้ภายใต้ระบบจัดเก็บที่ปลอดภัย
ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 6 และ กาแลคซี่ เอส 6 เอดจ์ จะเริ่มวางจำหน่ายทั่วโลกตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2558 เป็นต้นไป มีความจุให้เลือกแบบ 32, 64 และ 128 กิกะไบต์ มีสีให้เลือกถึง 5 สี ได้แก่ สีขาวมุก สีดำแซฟไฟร์ สีทองแพลทินัม สีน้ำเงินโทปาซ (มีเฉพาะรุ่น กาแลคซี่ เอส 6) และสีเขียวมรกต (มีเฉพาะรุ่น กาแลคซี่ เอส 6 เอดจ์)
ข่าวเด่น