การตลาด
สกู๊ป "กลุ่มเซ็นทรัล" เปิดแผนปี 58 สยายปีกธุรกิจรอบด้าน


จากแนวโน้มเศรษฐกิจของไทยที่เริ่มฟื้นตัวประกอบกับช่วงปลายปีจะมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ส่งผลให้ยักษ์ค้าปลีกรายใหญ่อย่างกลุ่มบริษัทเซ็นทรัล  ต้องออกมาเปิดเกมรุกรอบด้านทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อแสดงศักยภาพการเป็นผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ ด้วยการออกมาเตรียมงบลงทุนสูงเกือบ 40,000  ล้านบาท ขยายธุรกิจในเครือ


สำหรับการลงทุนหลักๆ ในปีนี้จะประกอบไปด้วย 5 ธุรกิจหลัก คือ 1.การลงทุนในประเทศ ด้วยการเปิดศูนย์การค้าและไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์แห่งใหม่ทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล ประกอบด้วย เซ็นทรัล เวสต์เกต บางใหญ่ ,เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสท์ วิลล์ ,โรบินสัน ไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ ศรีสมาน อ. ปากเกร็ด ,โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ บุรีรัมย์ และเซ็นทรัลพลาซา ระยอง 

กลุ่มธุรกิจที่ 2 ที่จะให้ความสำคัญ คือ การค้าชายแดน เนื่องจากมองเห็นโอกาสเติบโตทางธุรกิจของหัวเมืองหลัก เมืองรอง และจังหวัดที่เป็นจุดเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นในปีนี้กลุ่มเซ้นทรัลจึงมีแผนที่จะออกมาทำกิจกรรมการตลาดใน 5 สาขาใกล้แนวชายแดนมากขึ้ ประกอบด้วย เซ็นทรัล พลาซา เชียงราย จังหวัดที่เป็นประตูเชื่อมต่อทางการค้าระหว่างไทย สปป.ลาว และ เมียนมาร์ ซึ่งเป็นทำเลยุทศาสตร์ที่เปิดเส้นทางการค้าสู่ประเทศจีน โดยในอนาคตอันใกล้เชียงรายจะกลายเป็นศูนย์กลางการค้าทางภาคเหนือ

ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน มุกดาหาร จังหวัดที่มีการคมนาคมสะดวกสบายระหว่างไทยและสปป.ลาว ด้วยสะพานมิตภาพไทย-ลาว 2 ที่เชื่อมต่อไปยังแขวงสะหวันนะเขต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางเศรษฐกิจตะวันตก ตะวันออก ของไทย ที่มีการวางระบบโลจิสติกส์พร้อมสมบูรณ์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา อุดร Lifestyle hub ของภาคอีสานตอนเหนือที่สามารถรองรับประชาชนจาก สปป.ลาว ที่เดินทางมาจับจ่ายใช้สอย เนื่องจากการเดินทางที่สะดวกสบายระยะทางห่างจากกรุงเวียงจันทร์ไม่ถึง 100 กม. 

 

 
 
นอกจากนี้ ยังมีเซ็นทรัล เฟสติวัล หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่เชื่อมต่อไปยังปีนังเมืองใหญ่อันดับ 2 รองจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งปีนังถือเป็นศูนย์กลางการค้าขายระหว่างไทยกับมาเลเซียที่มีความคึกคักมายาวนาน และในปี 2558 กำลังจะเปิดอีก 1 แห่ง คือ โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ แม่สอด เพื่อรองรับกำลังซื้อมหาศาลจากประเทศเมียนมาร์ ซึ่งข้อมูลจากหอการค้า จ.ตาก ประเมินว่า หลังจากก้าวสู่การเปิดเออีซีในปี 2558 มูลค่าการค้าชายแดนบริเวณด่านการค้าชายแดนแม่สอด-เมียวดี จะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 50,000 ล้านบาทต่อปี

กลุ่มที่ 3 ที่จะให้ความสำคัญ คือ การลงทุนในภูมิภาคอาเซียน  ซึ่งปีนี้ยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนใน 3 ประเทศหลัก ไม่ว่าจะเป็น มาเลเซีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย หลังจากปีที่ผ่านมาได้มีการซื้อแบรนด์แฟชั่น HCH Industries SdnBhd ของมาเลเซีย และการเปิดตัวห้างสรรพสินค้าโรบินส์ (Robins) ในฮานอย, โฮจิมินห์ซิตี้ ประเทศเวียดนาม และห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ที่ กรุงจาร์การ์ตา อินโดนีเซีย  

ล่าสุด ในต้นปี 2558 ที่ผ่านมา ได้เข้าไปลงทุนในบริษัท เหงียน คิม ซึ่งเป็นผู้ประกอบการอันดับหนึ่ง 1 ของเวียดนาม ที่มีเครือข่ายสาขาครอบคลุมถึง 21 สาขาทั่วประเทศ เมื่อรวมกับศักยภาพของเพาเวอร์บายแล้วเชื่อมั่นว่า จะทำให้ เหงียน คิม เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเวียดนาม พร้อมทั้งทำให้เพาเวอร์บายกลายเป็นผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญในภูมิภาคอาเซียน

สำหรับกลุ่มธุรกิจที่ 4 คือ กลุ่มธุรกิจสินค้าหรู ( Luxury Collection) เนื่องจากที่ผ่านมาการเข้าไปขยายธุรกิจในยุโรปประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า ลา รินาเซนเต้ (la Rinascente) ในอิตาลี และอิลลุม (Illum) ในเดนมาร์ก เนื่องจากในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวในประเทศดังกล่าวไม่กว่า 50 ล้านคน จึงทำให้กลุ่มเซ็นทรัลยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจดังกล่าวต่อในประเทศอิตาลีและเดนมาร์ก    

อย่างไรก็ดี ในส่วนของปีนี้จะเน้นบุกเข้าไปขยายธุรกิจในเมืองที่เป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยว ด้วยการเปิดห้าง ลา รินาเซนเต้ สาขาใหม่ที่ใจกลางกรุงโรม ประเทศอิตาลี ขณะเดียวกันก็จะขยายธุรกิจเข้าไปที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ด้วยการเข้าไปปรับโฉมห้างอิลลุม ให้มีความสวยงามและครบวงจรมากขื้น  

พร้อมกันนี้ ในส่วนของธุรกิจด้านโรงแรม มีการขยายตัวในภูมิภาคยุโรปเช่นกัน โดยตั้งเป้าเมืองสำคัญที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของโลก เช่น ลอนดอน ประเทศอังกฤษ และปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งในส่วนของแนวทางการขยายธุรกิจโรงแรมในปีนี้ กลุ่มเซ็นทรัล มีแผนที่จะเปิดโรงแรมเพิ่มอีก 9 แห่ง รวมจำนวนห้องมากกว่า 1,800 ห้อง ทั้งในและต่างประเทศ จากปัจจุบันมีจำนวนโรงแรมในเครือรวมทั้งสิ้น 75 โรงแรม รวมจำนวนห้องทั้งหมดกว่า 15,000 ห้อง

นอกจากนี้ ในส่วนของประเทศไทย ก็มีการเดินหน้าขยายธุรกิจในกลุ่ม Luxury collection อย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยเมื่อต้นปี 2557 ที่ผ่านมา ได้เปิดศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี เป็นศูนย์รวมของ First class Lifestyle ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวมายังประเทศไทย ด้วยความครบครันและหลากสไตล์รูปแบบการใช้ชีวิตและการช้อปปิ้ง

กลุ่มสุดท้ายที่จะให้ความสำคัญในปีนี้ คือ กลุ่มธุรกิจออนไลน์ เนื่องจากเล็งเห็นว่าธุรกิจออนไลน์มีความสำคัญกับยุคปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ช่องทางออนไลน์จึงกลายเป็นมาเป็นอีกหนึ่งธุรกิจหนึ่งของการค้าที่มีโอกาสเติบโตอย่างมาก ด้วยตัวสินค้าและแบรนด์ของเซ็นทรัลที่มีอยู่จำนวนมากมาย จึงทำให้ลูกค้าสามารถมีทางเลือกในการเลือกซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ www.central.co.th ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว มีความน่าเชื่อถือด้วยมาตรฐานของแบรนด์ในกลุ่มเซ็นทรัล
 

           
 
 
นายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า หลังจากบริษัทออกมาเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีรายได้อยู่ที่ 286,680 ล้านบาท เติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่ 15% ได้อย่างแน่นอน หากไม่มีปัจจัยลบเข้ามารุมเร้า ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอตัวอีกครั้ง ส่วนภาพรวมผลประกอบการปี 2557 ที่ผ่านมา มีรายได้อยู่ประมาณ 249,548 ล้านบาท เติบโตจากปี 2556 ที่ประมาณ 6.6%

เป้าหมายที่ทำให้กลุ่มเซ็นทรัลมั่นใจว่าจะกลับมาเติบโตได้ที่ 15% อีกครั้งในปี 2558 ส่วนหนึ่งเกิดจากแนวโน้มกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เห็นได้จากช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา ผู้บริโภคออกมาจับจ่ายใช้สอยกันอย่างคึกคัก เช่นเดียวกับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เริ่มกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สังเกตได้จากจำนวนนักนักเที่ยวที่เพิ่มขึ้นถึง 40% ในช่วงเทศกาลตรุษจีน

จากแนวโน้มที่ดีขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ห้างในเครืออย่างห้างเซ็นทรัล มีบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยในห้างกลับมาคึกคักอีกครั้ง เห็นได้จากกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวเชื้อสายจีนเข้ามาช้อปปิ้งภายในห้างเซ็นทรัลเพิ่มสูงขึ้นถึง 100% เมื่อเทียบกับช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งในส่วนของสาขาที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนมากที่สุด คือ ห้างเซ็นทรัล สาขาชิดลม,ห้างเซน และศูนย์การค้า เซ็นทรัลเอ็มบาสซี  
 
ด้วยเหตุผลนี้ จึงทำให้ ทศ จิราธิวัฒน์  มั่นใจว่า สิ้นปีต้องมีรายได้กลับมาเติบโตที่ 15% อีกครั้งอย่างแน่นอน หลังจากปีที่ผ่านมามีรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้พอสมควร เนื่องจากทุกปีกลุ่มเซ็นทรัล ต้องมีรายได้เติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 10-15% แต่ด้วยปัจจัยลบทางการเมืองที่รุมเร้าจากช่วงก่อนหน้า กลุ่มเซ็นทรัลสามารถเติบโตเป็นบวกได้ ก็ถือว่าดีกว่าหลายธุรกิจที่ติดลบตัวแดงเป็นไหนๆ

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 03 มี.ค. 2558 เวลา : 14:08:24
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 8:32 am