บลจ.กรุงศรี เสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศเอไอ 6M4 (KFFAI6M4) อายุประมาณ 6 เดือน เสนอขายถึงวันที่ 9 มีนาคม 2558 เหมาะกับนักลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้ที่มีเงินลงทุนสูง ลงทุนขั้นต่ำ 510,000 บาท ประมาณการณ์ผลตอบแทน 2.60% ต่อปี
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด หรือ KSAM เปิดเผยว่า “บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศเอไอ 6M4 (KFFAI6M4) อายุประมาณ 6 เดือน มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เช่น เงินฝากธนาคาร China Construction Bank (สาธารณรัฐประชาชนจีน ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 20% เงินฝากธนาคาร Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน สาขามาเก๊า) สัดส่วนการลงทุน 20% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Akbank T.A.S. (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 20% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Isbank (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 20% และตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Vakifbank (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 20% ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 2.60% ต่อปี และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป”
“กองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศเอไอ 6M4 (KFFAI6M4) เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้เหมาะกับนักลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้ที่มีเงินลงทุนสูง ที่ต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก และต้องการล็อคผลตอบแทนโดยสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน”
สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้โลกนั้น จากแถลงการณ์ของประธานเฟดแสดงให้ถึงความเห็นเชิงบวกต่อภาวะเศรษฐกิจ โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะค่อยๆเพิ่มขึ้นสู่เป้าหมายของเฟดที่ 2% แต่อัตราดอกเบี้ยไม่น่าจะปรับขึ้นในการประชุมเดือน มี.ค. และ เม.ย. ทางด้านกรีซได้รับการขยายมาตรการช่วยเหลือทางการเงินออกไปอีก 4 เดือน หลังจากที่รัฐมนตรีคลังของยูโรโซนให้ความเห็นชอบต่อแผนปฏิรูปของกรีซ ทั้งนี้ แผนปฏิรูปฉบับสมบูรณ์จะต้องได้รับความเห็นชอบจากทรอยก้าภายในสิ้นเดือน เม.ย. กรีซจึงจะได้รับเงินช่วยเหลือที่เหลืออีก 7.2 พันล้านยูโร ในส่วนของอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาครัฐของสหรัฐฯลดลง 0.01 – 0.07% โดยที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะยาวลดลงมากกว่าอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะสั้น
“ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือน ม.ค. บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวอย่างช้าๆ ทั้งนี้ ธปท. ระบุว่า การลดดอกเบี้ยอาจไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจากตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับลง 0.00 – 0.10% และอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะยาวลดลงมากกว่าอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะสั้น”นายฉัตรพี กล่าว
ข่าวเด่น