"สมคิด"ประธานคณะที่ปรึกษานายกฯ แนะไทยเร่งพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รองรับยุคเออีซี ชี้ธุรกิจไทยรายใหญ่ปรับตัวได้ แต่เอสเอ็มอีปรับยาก อุปสรรคเยอะ
ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน AEC Business Forum ของธนาคารกรุงเทพ ในหัวข้อ "ปี 2558 ปีของเออีซี (2015:The Year of AEC)" ว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศครั้งล่าสุด ได้เสนอว่าประเทศไทยจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปฏิรูปองค์รวม เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ โดยเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศค.) เป็นหัวเรือใหญ่ในการเตรียมความพร้อมการแข่งขันของประเทศ และต้องปรับปรุงประเทศให้เป็นประเทศที่น่าลงทุน เพราะปัจจุบันความน่าสนใจในการลงทุนของประเทศไทยจากสายตานักลงทุนต่างชาติ ประเทศไทยอยู่อันดับ 30 มานานกว่าเกือบ 40 ปีแล้ว แต่ประเทศมาเลเซียอยู่อันดับ 20 กว่าๆ ถ้าเราไม่ปรับตัวไม่ปฏิรูป ไม่ว่าการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และด้านอื่นๆที่กำลังทำอยู่ จะยิ่งแย่
"เพราะถึงเราจะอยู่ตรงกลางประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) แต่ถ้าเราไม่สามารถเป็นศูนย์กลางถ้าเราเชื่อมต่อเออีซีได้ และหาจุดดึงดูดไม่ได้ ก็ไม่มีประโยชน์ เช่น โครงการรถไฟไม่ว่าจะความเร็วเท่าไรก็ต้องเร่งทำ ต้องดูเรื่องเขตการค้าขายแดน แก้กฏระเบียบที่ติดขัดเป็นต้น"ดร.สมคิดกล่าว
ดร.สมคิดกล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญของประเทศไทย คือ ต้องดูแลการเมืองให้มีเสถียรภาพ เพราะแม้จะดีจะเด่นขนาดไหน แต่การเมืองไม่มีเสถียรภาพเขาก็หนีเราหมด ซึ่งตอนนี้กำลังทำการปฏิรูปให้ดีขึ้นและจะเลือกตั้งใหญ่ในปีหน้า เวลานี้เราประชาชนต้องช่วยกันประคับประคอง ลดทิฐิลงให้ประเทศเดินหน้าได้ ให้ดูว่าประเทศเราดูแลตัวเองได้ ให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่น ทั้งนี้หลังเปิดเออีซีภูมิศาสตร์จะเปลี่ยนใหม่หมด เราต้องปรับตัว ภาคธุรกิจรายใหญ่เชื่อว่าสามารถปรับรับการเปลี่ยนแปลงได้ เช่น เซ็นทรัล ปูนซีเมนต์ไทย มีการออกไปข้างนอกและสามารถเข้าไปซื้อกิจการในต่างประเทศได้แล้ว
"ที่น่าห่วง คือ บริษัทกว่า 90% ของบริษัททั้งหมดในไทยที่เป็นเอสเอ็มอี ที่มีคน มีทุน จำกัด จะเปลี่ยนก็ยาก ในช่วงนี้ก็จะตายไม่ตายแหล่ คงปรับตัวยาก ซึ่งเมื่อวานผมประชุมร่วมกับ ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในแข่งขันของประเทศ ก็เห็นอุปสรรคอยู่ เช่น สินเชื่อดอกเบี้ยเอสเอ็มอีมาเลเซียอยู่ที่ 3% กว่าๆ แต่ของไทยสูงถึง 7% กว่าๆ อย่างนี้เอสเอ็มอีไทยเราจะดีขึ้นได้อย่างไร แต่อย่างไรก็ตามเอสเอ็มอีต้องช่วยตัวเอง ต้องหมั่นศึกษา ปรับปรุงคุณภาพ ต้องทำให้อยู่รอด"ดร.สมคิดกล่าว
ข่าวเด่น