การตลาด
สกู๊ป "ซัยโจ เด็นกิ" หวนคืนตลาดแอร์ ประกาศทวงแชร์ 17-18% ใน 3 ปี


หลังจากหายจากการทำตลาดเครื่องปรับอากาศไปพักใหญ่ วันนี้เครื่องปรับอากาศ "ซัยโจ เด็นกิ"  เครื่องปรับอากาศแบรนด์ของคนไทย พร้อมแล้วที่จะกลับมาทำตลาดเครื่องปรับอากาศอย่างจริงจังอีกครั้ง หลังจากปล่อยให้คู่แข่งแบรนด์เกาหลี ญี่ปุ่น ชิงส่วนแบ่งการตลาดไปเป็นจำนวนมาก จากเดิมในช่วง 10  ปีที่ผ่านมา มีส่วนแบ่งการตลาด 18 - 19% แต่ปัจจุบันปรับลดลงเหลือ 7 - 8% เท่านั้น

จากผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ "ซัยโจ เด็นกิ" ต้องออกมาปรับทัพการทำธุรกิจ ด้วยการหันมาปรับปรุงหลังบ้าน ไม่ว่าจะเป็นระบบการทำงานภายในองค์กร กระบวนการผลิต การวิจัยและพัฒนาสินค้าที่จะเน้นไปในเรื่องของเทคโนโลยี รวมไปถึงการขยายตลาดส่งออก ซึ่งแนวทางการทำตลาดนับจากนี้ นอกจากจะให้ความสำคัญกับการตลาดในประเทศแล้ว ยังจะเน้นไปที่ตลาดการส่งออกอีกด้วย   


 
 
นายสมศักดิ์ จิตติพลังศรี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซัยโจ เด็นกิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ บริษัทจะพัฒนาสินค้าเทคโนโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลาดที่จะให้ความสำคัญกับการทำตลาดกลุ่มสินค้าเทคโนโลยี คือ ตลาดต่างประเทศที่ชื่นชอบสินค้าเทคโนโลยี ซึ่งในปีนี้มีแผนที่จะส่งออกเข้าไปทำตลาดในประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และออสเตรเลีย หลังจากก่อนหน้านี้ได้ทดลองส่งออกสินค้าเข้าไปทำตลาดรวม 20 ประเทศ  โดยประเทศที่สร้างรายได้ให้มากที่สุด คิดเป็น 65% ของรายได้การส่งออก คือ ซาอุดิอารเบีย กาต้าร์ และ ดูไบ 

นอกจากนี้ ซัยโจ เด็นกิ ยังจะสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ด้วยการแสวงหาพันธมิตรทางด้านการจำหน่ายให้มากขึ้น เพราะการจะนำสินค้าเข้าไปถึงกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายได้ครอบคลุม ต้องมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นการทำตลาดในประเทศหรือต่างประเทศ ซึ่งในส่วนของการทำตลาดต่างประเทศที่ถือว่าท้าทายมากที่สุดในปีนี้ คือ การส่งออกสินค้าเข้าไปทำตลาดในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง แต่เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นเมืองที่ให้ความสำคัญด้านเทคโนโลยีมากกว่าราคา ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่ให้ความสำคัญด้านราคามากกว่าเทคโนโลยี จึงทำให้ ซัยโจ เด็นกิ มั่นใจว่าการเข้าไปทำตลาดในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จอย่างดีเป็นแน่นอน

 
 
 
 
ล่าสุด ได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ "Intelligent Inverter" สามารถตรวจสอบค่าไฟผ่าน App จากมือถือได้ทุกวัน โดยสามารถรายงานระยะเวลาการใช้ค่าไฟที่ใช้จริง คำนวณที่ยูนิตละ 4 บาท และค่าเฉลี่ยค่าไฟรายชั่วโมงได้ แทนที่จะรอทราบค่าไฟผ่านบิลค่าไฟเหมือนสมัยก่อน ขณะเดียวกันลูกค้ายังสามารถตรวจสอบอาการเสียด้วยตนเองได้กว่า 20 อาการ และสามารถแจ้งได้ว่าอาการเสียเกิดขึ้นที่คอยล์ร้อน (ตัวนอกบ้าน) หรือคอยล์เย็น (ตัวในบ้าน) โดยอาการเสียกว่า 70% มาจากคอยล์ร้อนซึ่งอยู่ภายนอกบ้าน หากอาการเสียเกิดขึ้นที่คอยล์ร้อนก็ไม่ต้องเข้าไปบริเวณภายในบ้าน เพียงถ่ายรูปหน้าจอที่โชว์อาการเสีย ซึ่งมีทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ และส่งเข้ามาที่ช่างบริการ หรือศูนย์บริการก็สามารถจัดเตรียมอะไหล่ และซ่อมได้อย่างถูกต้อง โดยที่ช่างบริการไม่ต้องเข้าห้องนอนลูกค้า ซึ่งถือว่าเป็นการปฏิวัติวงการเครื่องปรับอากาศที่ทำให้ลูกค้าทราบค่าไฟรายวัน และสามารถรู้อาการผิดปกติของแอร์ด้วยตัวเองได้ และยังรับประกันอะไหล่ทุกชิ้น 5 ปีเต็ม ตั้งแต่รุ่น 10,000 BTU – 25,000 BTU และรับประกันอะไหล่ทุกชิ้น 2 ปี ตั้งแต่ 30,000 ขึ้นไป

จากเทคโนโยลีดังกล่าวที่ได้พัฒนาขึ้นมา เพื่อการใช้งานของเครื่องปรับอากาศ ซัยโจ เด็นกิ ส่งผลให้  ซัยโจ เด็นกิ ได้รับเกียรติในการกล่าวในงาน Asia Monozukuri ที่เมื่องนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น ณ วันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นงานที่สะท้อนถึงการพัฒนาสินค้า เทคโนโลยี และคุณภาพ อย่างต่อเนื่อง และมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาสูงสุดเหมือนกับคนญี่ปุ่น และได้รับเกียรติในการเฉลิมฉลองความสำเร็จของงาน Asia Monozukuri โดยการทุบเหล้าสาเก ร่วมกับประธานบริษัทนิเคอิ ชิมบุน ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์รายวันเชิงธุรกิจรายใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ประธานหนังสือพิมพ์ชุนนิชิ ชิมบุน และ ผู้อำนวยการไพร์สวอเตอร์เฮ้าส์คูเปอร์

หลังจากออกมาขยายตลาดการส่งออกอย่างต่อเนื่อง ซัยโจ เด็นกิน มั่นใจว่า การเปิดตลาดใหม่ 3 ประเทศในปีนี้ คือ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และออสเตรเลีย จะสามารถสร้างยอดขายจากการส่งออกในสิ้นปีนี้ได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท  และส่งผลให้มีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกสิ้นปีนี้อยู่ที่ประมาณ 50% และเพิ่มเป็น 70% ในอีก  3 ปีนับจากนี้ จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกอยู่ที่ประมาณ 35% 

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การที่ตอนนี้ประเทศไทยมีปัญหาเศรษฐกิจค่อนข้างตกต่ำ  ขณะเดียวกันเงินบาทก็แข็งค่า ยอมรับว่าขณะนี้ได้รับผลกระทบจากการส่งออกพอสมควร  ดังนั้นจึงอยากให้รัฐเข้ามาช่วยดูแลปัจจัยลบที่เกิดขึ้นดังกล่าว เพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออก ซึ่งค่าเงินบาที่เหมาะสมสำหรับผู้ส่งออกในตอนนี้ คือ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ขณะเดียวกันรัฐควรมีมาตรการเข้ามาสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสัญชาติไทยได้เติบโตอย่างแข็งแรงและยั่งยืน เนื่องจากปัจจุบันสินค้าแบรนด์ไทยถูกแบรนด์ต่างชาติชิงส่วนแบ่งการตลาดไปเป็นจำนวนมาก

สำหรับแผนการทำตลาดในประเทศก็ยังคงเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเทคโนโลยี อินเทเลเจ้นท์ อินเวอร์เตอร์ โอโซน เพียวริไฟเออร์ (Intelligent Inverter Ozone Purifier) เข้ามาทำตลาด  เพราะจะช่วยให้เครื่องปรับอากาศประหยัดพลังงาน ซึ่งลูกค้าสามารถตรวจสอบการทำงานของเครื่องปรับอากาศผ่านทางมือถือ มีเทคโนโลยีฟอกอากาศด้วยโอโซนบริสุทธิ์ที่ปลอดภัยด้วยมาตรฐาน IEC335-2-40 และเป็นรายเดียวที่กล้ารับประกันคอมเพรสเซอร์และอุปกรณ์ทุกชิ้นนานถึง 5 ปี

ในส่วนของแอพพลิเคชั่น ซัยโจ เด็นกิ อินเวอร์เตอร์ ยูเซอร์ (Saijo Denki Inverter User) สามารถดาวน์โหลด (download) ได้ที่ App store และ Play Store สำหรับมือถือระบบปฏิบัติการ IOS และ Android โดยฟังก์ชั่นของแอพพลิเคชั่นนี้ สามารถรายงานค่าไฟฟ้าของเครื่องปรับอากาศผ่านทางมือถือ โดยผู้ใช้สามารถตรวจสอบค่าไฟฟ้าจากการใช้เครื่องปรับอากาศใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และยังสามารถคำนวณผลค่าไฟฟ้าที่ใช้ต่อชั่วโมง (บาท) นอกจากนั้นยังมีฟังก์ชั่นการประหยัดไฟเพิ่มขึ้นถึง 4 ระดับ ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกปรับฟังก์ชั่นประหยัดไฟได้หลากหลายเพื่อให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ ทำให้ประหยัดพลังงานยิ่งขึ้น แต่ยังเย็นสบายเหมือนเดิม

นอกจากนี้  เทคโนโลยี อินเทเลเจ้นท์ อินเวอร์เตอร์ โอโซนเพียวริไฟเออร์ ยังมีฟังก์ชั่นรายงานความผิดปกติของเครื่องปรับอากาศผ่านมือถือ เมื่อเครื่องปรับอากาศทำงานผิดพลาด เซ็นเซอร์ภายในตัวเครื่องจะทำการแจ้งเตือนผ่านมือถือโดยอัตโนมัติ และยังสามารถแจ้งเตือนเมื่อถึงกำหนดล้างเครื่อง เพื่อให้เครื่องปรับอากาศคงประสิทธิภาพในการทำความเย็นอยู่เสมอ ส่งผลให้ประหยัดพลังงานและทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดการใช้งาน
 

 
 
พร้อมกันนี้ยังมีแผนที่จะใช้งบอีกประมาณ 70-80 ล้านบาท ทำกิจกรรมการตลาด เพื่อสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จักตลอดทั้งปี  ซึ่งหลังจากออกมาเปิดเกมรุกดังกล่าว ซัยโจ เด็นกิ มั่นใจว่า อีก 3 ปีนับจากนี้ จะสามารถทวงส่วนแบ่งการตลาด กลับมาอยู่ที่ 18-19% อีกครั้ง หลังจากโดนคู่แข่งแบรนด์ญี่ปุ่นและเกาหลีมาชิงส่วนแบ่งการตลาดไป  ส่งผลให้ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดเหลือเพียง 7-8% เท่านั้น ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวคาดว่าจะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมรายได้สิ้นปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท

จากแนวโน้มของสภาพอากาศช่วงหน้าร้อนในปีนี้ ที่คาดว่าจะร้อนกว่าทุกปีที่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่ายออกมาคาดการณ์ว่า ภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศปีนี้ น่าจะมีอัตราการเติบโตจากไม่ต่ำกว่า 5% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท สูงกว่าปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่า 19,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเพียง 1-2% เท่านั้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบเศรษฐกิจและการเมือง 

อย่างไรก็ดี จากอัตราส่วนการครอบครองเครื่องปรับอากาศของครัวเรือนไทยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 30% ทำให้ผู้ประกอบการยังมีความหวังในการสร้างรายได้จากธุรกิจเครื่องปรับอากาศ ซึ่งปัจจุบันอัตราส่วนการครอบครองเครื่องปรับอากาศในกรุงเทพฯ มีอัตราส่วนการครอบครองอยู่ที่ประมาณ 50% ต่างจังหวัด 20% จึงทำให้ยังมีโอกาสเข้าไปขยายตลาดได้อีกมาก

 
 
ทิศทางที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดเครื่องปรับอากาศในปีนี้กลับมารุนแรงอีกครั้ง ซึ่งกลยุทธ์หลักๆ ที่นำมาใช้ในปีนี้ จะเน้นไปที่เทคโนโลยีเป็นหลัก และเทคโนโลยีที่เลือกนำมาใช้ ก็คือ  อินเวอร์เตอร์  เช่น แคเรียร์ และโตชิบา ล่าสุดได้เปิดตัวเครื่องปรับอากาศนวัตกรรมอินเวอร์เตอร์ใหม่ ในชื่อ "7 WONDERS" หรือ โตชิบา Stable Power (SPI Series) รุ่นแยกส่วนแขวนใต้ฝา รุ่นฝังฝ้า 4 ทิศทาง และรุ่นคอยล์เปลือย ขนาด 18000/24000/33000/41000 BTU ทั้งสิ้น 12 ขนาด 4 รุ่น ออกมาเจาะตลาด

ขณะเดียวกัน "ไดกิ้น" ก็เปิดตัวเครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์เข้ามาทำตลาดเพิ่มอีก1 รุ่น คือ ไดกิ้น เอกิระ (Daikin Ekira) เพื่อเติมเต็มให้ไดกิ้นมีเครื่องปรับอากาศอาร์ 32 เพื่อที่พักอาศัยครบทุกช่วงราคาและความต้องการของผู้บริโภค  ขณะที่ "แอลจี" นำเครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ รุ่นใหม่ หรือ “แอลจี อินเวอร์เตอร์ วี ใหม่” (New LG Inverter V) ชูจุดเด่นด้วยเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน “แอคทีฟ เอนเนอร์จี คอนโทรล” (Active Energy Control) ที่ผู้ใช้งานสามารถควบคุมความเย็นและอัตราสิ้นเปลืองพลังงานให้เหมาะสมกับความต้องการ

การแข่งขันที่เกิดขึ้นดังกล่าว เชื่อว่า ปีนี้ส่วนแบ่งการตลาดของแต่ละค่าย ไม่น่าจะขยับเพิ่มขึ้นมากนัก เพราะแต่ละค่ายต่างปล่อยหมัดเด็ดด้านเทคโนโลยีเข้ามาทำตลาด การแข่งขันที่รุนแรงดังกล่าว หากใครอยู่เฉย งานนี้คงมีเพรี้ยงพร้ำ

บันทึกโดย : วันที่ : 13 มี.ค. 2558 เวลา : 20:42:33
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 11:00 am