หลังจากที่รอคอยกันมานาน ค่ายยักษ์ไอทีใหญ่อย่าง Apple ได้เปิดให้สาวกมีโอกาสจับจองนาฬิกาอัจฉริยะแบรนด์ตัวเอง "Apple Watch" ได้แล้วใน 9 ประเทศ แต่ยังไม่มีไทย อดใจรอกันอีกไม่นานคาดว่าโอกาสจะมาถึงราวกลางปี 2558 นี้
ทั้งนี้ Apple เปิดจอง "Apple Watch" ในออสเตรเลีย แคนาดา จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี ฮ่องกงของจีน ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา โดยลูกค้าสามารถสั่งซื้อนาฬิกาล่วงหน้าได้ผ่านร้านค้าออนไลน์ (www.apple.com) นับจากวันที่ 10 เมษายน 2558 และพร้อมเริ่มจัดส่งได้ในวันที่ 24 เมษายน 2558 เป็นต้นไป
นางแอนเจลา อาเรนด์ทส รองประธานฝ่ายค้าปลีกของApple เปิดเผยว่า สาเหตุที่ต้องเปิดให้จองผ่านระบบออนไลน์เพียงอย่างเดียว เพราะเกรงว่า ความต้องการซื้อ Apple Watch น่าจะมากกว่าสินค้าที่มีอยู่ จึงเลือกใช้วิธีนี้เพียงอย่างเดียวก่อนในระยะแรกของการเปิดตัว
จากข้อมูลใน www.apple.com แสดงให้เห็นว่า “Apple Watch” มีให้เลือก 3 แบบ ดังนี้
แบบมาตรฐาน (Apple Watch) ตัวเรือนทำจากสแตนเลส จอภาพทำจากแซฟไฟร์ พร้อมสายสวยงามที่ทำให้ราคาแตกต่างกันไป โดยมีให้เลือกถึง 20 แบบ ราคาเริ่มต้นที่ 549 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 17,900 บาท)
แบบสปอร์ต (Apple Watch Sport) ตัวเรือนออกแบบเป็นอะลูมิเนียบชุบผิว จอภาพกระจก Ion-X ที่แข็งแกร่ง พร้อมสายทนทานและสีสันสดใส มีให้เลือกย่อยไปอีก 10 แบบ สนนราคาเริ่มที่ 349 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 11,500 บาท)
รุ่นพิเศษ (Apple Watch Edition) ตัวเรือนทองคำ 18 กะรัต สีเยลโลว์โกลด์หรือสีโรสโกลด์ จอภาพผลึกแซฟไฟร์ พร้อมสายและตัวล็อกที่ประณีตสวยงาม มีจำนวนจำกัดและมีให้เลือกเพียง 8 แบบราคาพิเศษหน่อยอยู่ระหว่าง 10,000-17,000 ดอลลาร์สหรัฐ (หรือเริ่มต้นที่ประมาณ 320,000 บาท)
Apple จัดทำออกมาหลายรูปแบบอย่างนี้ เชื่อว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดีทั้งในด้านดีไซน์เรียบ หรูและเรื่องของราคา
ส่วนในเรื่องคุณสมบัติของเครื่อง คาดว่าจะสามารถสร้างความพึงพอใจได้ไม่แพ้ Smart Watch ของค่ายอื่นๆ
มาทบทวนกันหน่อยว่า Apple Watch มี คุณสมบัติ อะไรบ้าง
-หน้าจอมี 2 ขนาด คือ ขนาด 1.5 นิ้วและ 1.65 นิ้ว ความหนา 38 มม. ความละเอียด 340x272 และ 42 มม..ความละเอียด. 390x312 ซึ่งใกล้เคียง Retina Display
-ทำงานบนชิบเซ็ต Apple S1 ชิ้นเดียว ซึ่ง Apple Watch ก็ไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนขนาดย่อส่วนที่อยู่บนข้อมือของเรานั่นเอง โดยสามารถใช้แอพพลิเคชั่นต่าง ๆ เลือกการแจ้งเตือน ฟังเพลง คุยโทรศัพท์ รวมถึงความสามารถอื่นๆ รวมถึงป้องกันน้ำได้ด้วย
-สั่งงานได้ 2 แบบคือ ระบบสัมผัสหน้าจอและหมุนที่เม็ดมะยม
-ชาร์จไฟผ่านสาย Mag Safe เหมือนเครื่อง Mac แบตเตอรีชาร์จเต็มแล้วใช้งานได้ 18 ชั่วโมง
-เชื่อมต่ออุปกรณ์อื่นได้ผ่าน WiFi และ Bluetooth เช่น Apple Watch ด้วยกัน iPhone 6,iPhone 6 Plus,iPhone 5s,iPhone 5c และiPhone5
-มีเซนเซอร์ภายในใช้วัดการเต้นของหัวใจ พร้อม GPS ช่วยตั้งเวลาอัตโนมัติ และอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวร่างกาย ใช้นับจำนวนก้าวและคำนวณแคลอรี่ที่เผาผลาญในแต่ละวันได้
นี่เป็นเพียงคุณสมบัติส่วนหนึ่งของ Apple Watch เท่านั้น สงสัยเสียแล้วว่า คงจะมีหลายคนยอมควักกระเป๋าจ่าย เพื่อแลกกับความสะดวกสบายส่วนตัว…
ข่าวเด่น