ยุคสมัยนี้การเลือกใช้บริการรถโดยสารรับจ้างมีความสะดวกสบายขึ้น ช่วยให้วางแผนการเดินทางได้ง่าย ๆ จากการ คลิกผ่านโทรศัพท์มือถือเท่านั้น
ทั้งนี้ บริษัท GrabTaxi ประเทศไทย ผู้ให้บริการแท็กซี่ตามสั่งบนมือถือผ่านแอพพลิเคชั่น “GrabTaxi “ รายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้เปิดตัวบริการใหม่หรือบริการเสริมที่เรียกว่า “GrabCar” อย่างเป็นทางการแล้ว เพื่อตอบสนองความต้องการบริการระดับพรีเมี่ยม หรูหรา สะดวกสบาย และมีมาตรฐานความปลอดภัยเช่นเดียวกับ GrabTaxi
“GrabTaxi” เป็นการให้บริการแท็กซี่ แต่สำหรับ “GrabCar” เป็นบริการพิเศษกว่า เพราะผู้โดยสารสามารถเรียกใช้บริการรถยนต์ที่เสมือนเป็นรถยนต์ส่วนตัวได้ เนื่องจากมีรถยนต์ที่ให้บริการหลากหลาย อาทิ Accord (Honda), Camry (Toyota), E Class (Mercedes Benz) และ Teana (Nissan) เป็นต้น
ขั้นตอนการเรียกใช้บริการรถจาก Grab Car
1. ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น GrabTaxi ก่อน ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจาก App Store, Play Store, Blackberry World โดย ลงทะเบียนแค่ครั้งเดียว
2.เลือกจุดรับและจุดหมายปลายทางที่จะไป
3.เลือกประเภทรถ เป็น GrabCar ซึ่งจะสามารถเห็นระยะทางและราคาโดยประมาณได้ทันที จากนั้นกด Next เพื่อเลือกแบบการเรียกรถ จองล่วงหน้าหรือเรียกรถทันที โดยกด Confirm Booking เพื่อเรียกรถ
“GrabCar” ให้ความสะดวกแก่ผู้โดยสาร ตรงที่สามารถลงทะเบียนใช้รถได้ทันที หรือจองล่วงหน้าได้ถึง 7 วัน ช่วยให้สามารถวางแผนการเดินทางได้ ชำระค่าโดยสารด้วยเงินสด ไม่มีการผูกบัตรเครดิต ผู้โดยสารสามารถเรียก GrabCar ได้ง่ายๆ เพียงลงทะเบียนด้วยเบอร์โทรศัพท์และอีเมล์ อย่างไรก็ดี ในเรื่องนี้ นายวีร์ จารุนันท์ศิริ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท แกร็บแท็กซี่ ประเทศไทย (ซ้ายในภาพ) แย้มว่า ภายในสิ้นปีลูกค้าจะสามารถตัดเงินผ่านบัตรเครดิตได้
สำหรับการคิดค่าโดยสารสำหรับ GrabCar ในประเทศไทย ได้ใช้ระบบ on-app meter คนขับจะกดเริ่มมิเตอร์เมื่อผู้โดยสารขึ้นรถ โดยจะเริ่มต้นที่ราคา 75 บาท ในช่วง 10 กิโลเมตรแรก คิดค่าบริการ 12.5 บาทต่อกิโลเมตร และกิโลเมตรถัดไปคิดค่าบริการ 13.5 บาท
แต่สิ่งที่ทำให้ GrabCar นั้นมีความน่าสนใจ คือ การบอกราคาค่าโดยสารกับผู้โดยสารก่อนจะใช้บริการ หรือผู้โดยสารสามารถมองเห็นราคาและประเมินค่าโดยสารได้ก่อนยืนยันการเรียกรถ เมื่อถึงที่หมายต้องจ่ายค่ารถเป็นเงินสดตามมิเตอร์ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใด ๆ ยกเว้นค่าทางพิเศษ หรือถ้าเกิดเหตุการณ์รถติดก็จะไม่คิดค่าบริการเพิ่มแต่อย่างใด
นอกจากนั้น หากต้องการที่จะเดินทางไปยังสนามบิน (สุวรรณภูมิ) จะให้บริการโดยใช้อัตราเหมาจ่ายแบบเที่ยวเดียวไม่ว่าจากจุดใดก็ตามในกรุงเทพฯ ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิมีราคาอยู่ที่ 600 บาท
นอกเหนือจากนี้ ผู้โดยสารยังสามารถเรียกรถเพื่อออกนอกเขตให้บริการได้ด้วย เช่น จากกรุงเทพฯไปพัทยา ซึ่งผู้โดยสารและคนขับสามารถตกลงราคาเหมาได้ โดยแผนกบริการลูกค้าของบริษัทจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการต่อรองราคาให้ เพื่อให้มั่นใจว่า ราคาที่ตกลงกันเป็นราคาที่เหมาะสม
นับเป็นบริการที่น่าสนใจทีเดียว ใครที่ยังไม่มีประสบการณ์ใช้บริการระดับพรีเมียมนี้ ทดลองใช้บริการใหม่นี้กันได้
ส่วนบริการอื่น ๆที่สามารถใช้ได้ผ่านแอพฯ Grab Taxi อาทิ GrabCar XL ซึ่งได้เริ่มทดลองเปิดให้บริการไปแล้วช่วงกุมภาพันธ์ 2558 ที่ผ่านมา เป็นการให้บริการรถตู้ 12 ที่นั่ง เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่เป็นหมู่คณะ เริ่มต้นที่ 150 บาท + 3 บาท ต่อ 1 นาที + 20 บาท ต่อกิโลเมตร
และในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ทาง Grab Taxi ยังจะเปิดบริการส่งเอกสารอีกด้วย โดยมีสนนราคาทดลองที่ 10 บาท ต่อครั้ง ในพื้นที่กรุงเทพฯ ก่อนปรับเป็นราคาปกติ โดยคาดว่าจะอยู่ที่ 35 บาท ในครั้งต่อๆ ไป…
ข่าวเด่น