ไตรมาสแรกนักลงทุนแห่เก็งกำไร DW วอลุ่มสูงสุดในรอบ 18 เดือน ท่ามกลางตลาดผันผวน หุ้น ITD TPIPL TRUE PTT JAS เทรดติดลมบน ด้านหลักทรัพย์บัวหลวงยังครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ต่อเนื่อง พร้อมส่ง 28 ตัวใหม่ลงตลาดเริ่มเทรด 21 เม.ย.นี้ แกะกล่อง 4 หุ้นใหม่ GUNKUL ICHI KTC SAWAD พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุน SET50 DW อย่างปลอดภัย
นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2558 ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทยมีความผันผวนค่อนข้างมาก ส่งผลให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรในใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrant : DW) หนาแน่น จนปริมาณการซื้อขายพุ่งสูงสุดในรอบ 6 ไตรมาสหรือ 18 เดือน มีปริมาณการซื้อขาย DW เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 1,070.70 ล้านบาท คิดเป็น 2.2% ของปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งระบบ โดยมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกอยู่ในกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร สัดส่วน 22.5% กลุ่มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 19.5% กลุ่มพลังงาน 13.1% ซึ่งนักลงทุนยังให้ความสนใจ DW ประเภท Call ในสัดส่วนที่สูงถึง 74.3% ของปริมาณการซื้อขาย DW ทั้งหมด
“นักลงทุนมีการปรับกลยุทธ์ลงทุนใน DW ตามสถานการณ์ เริ่มจากการประกาศทำคิวอีของธนาคารกลางยุโรปและราคาน้ำมันดิบโลกเริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังจากร่วงลงต่ำสุดในรอบ 6 ปี ทำให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นทำนิวไฮในรอบ 21 เดือน ทำให้ DW อ้างอิงหุ้นบิ๊กแคปที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติได้รับความสนใจ แต่เมื่อมีความไม่แน่นอนจากการเจรจาหนี้ระหว่างกรีซกับสภาพยุโรปที่ต้องได้ข้อสรุปในสิ้นเดือนก.พ.ที่ผ่านมา รวมถึงแถลงการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดที่อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทำให้นักลงทุนหันมาเก็งกำไร Call DW ที่อ้างอิงหุ้นที่ได้รับปัจจัยบวกในประเทศ เช่น หุ้น BMCL หุ้น ITD และหุ้น TPIPL เป็นต้น” นายบรรณรงค์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในเดือนมี.ค. ที่ผ่านมาพบนักลงทุนเข้าเก็งกำไรใน Put DW ในสัดส่วนสูงถึง 31.7% ของปริมาณการซื้อขายทั้งหมด เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ในระดับเพียง 23.4% เนื่องจากตลาดหุ้นไทยลดลงตลอดเดือน หลังจากกำไรบริษัทจดทะเบียนงวดปี 2557 ส่วนใหญ่ออกมาไม่ดี รวมทั้งเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้าหลังจากยอดส่งออกเดือนก.พ.ลดลงถึง 6.1% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% มาอยู่ที่ 1.75% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงข่าวดีที่รัฐบาลส่งสัญญาณไม่เลื่อนการประมูล 4G แล้วก็ตามแต่ไม่ช่วยให้ดัชนีฟื้นตัวขึ้นมาได้
สำหรับ DW อ้างอิงหุ้นรายตัวที่ได้รับความนิยมสูงสุดในไตรมาส 1/2558 ได้แก่หุ้น ITD สัดส่วนการซื้อขายสูงถึง 11.8% รองลงมาหุ้น TRUE มีสัดส่วน 9.0% อันดับสามหุ้น TPIPL มีสัดส่วน 8.6% อันดับสี่หุ้น PTT สัดส่วน 7.0% และอันดับห้าหุ้น JAS สัดส่วน 4.7 % โดยทั้งหมดสนใจใน Call DW จากปัจจัยบวกที่สนับสนุนราคาหุ้น ในขณะที่ ดัชนี SET50 ก็เป็นหลักทรัพย์อ้างอิงที่ได้รับความนิยมสูงสุดเช่นเดิม ทั้งนี้ จำนวน DW ที่เสนอขายอยู่ทั้งระบบมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 904 รุ่น จากไตรมาสก่อนหน้ามีจำนวน 870 รุ่น โดยมีหลักทรัพย์อ้างอิงที่เสนอขายเพิ่มขึ้น 7 ตัว เป็น 99 ตัว โดยหลักทรัพย์บัวหลวงยังครองส่วนแบ่งการตลาดเมื่อคิดจากมูลค่าการซื้อขายสะสมเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 53.5%เพิ่มขึ้นจากสิ้นเดือนก.พ. มีสัดส่วนที่ 47.4% และมีส่วนแบ่งการตลาดยอดถือครอง DW สูงสุด ถึง 51.4%รวมทั้งเป็นผู้ออกที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุดเช่นกัน
นายบรรณรงค์ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ที่สนใจลงทุน DW อ้างอิง SET50 ควรเลือกให้เหมาะกับสไตล์การลงทุนของตนเอง เช่น กรณีถือระยะสั้นและมั่นใจในทิศทางดัชนีอาจเลือก DW ที่มีอัตราทดสูง หากถือระยะกลางและมีความมั่นในทิศทางดัชนีไม่มากนัก อาจลือก DW ที่มีการเสื่อมค่าต่ำ รวมทั้งในช่วงตลาดปรับตัวลดลงแรง พบนักลงทุนเข้ามาซื้อเพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุนหรือหาจังหวะทำกำไรจากการรีบาวน์ในระยะสั้น ซึ่งจากข้อมูลในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาพบว่า วันที่ดัชนี SET 50 ลดลงไปมากกว่า 1% ในวันรุ่งขึ้นดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นและลดลงเท่าๆ กัน จึงแนะนำให้นักลงทุนตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ก่อนเข้าลงทุนและรักษาวินัยเพื่อลดความเสี่ยงจากการขาดทุนที่เกินกว่าจะรับได้
พร้อมกันนี้หลักทรัพย์บัวหลวงยังเผยแนวทางกำหนดราคา DW อ้างอิงดัชนี SET50 โดยอิงการคำนวณจากค่าเฉลี่ยระหว่างราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขายที่ดีที่สุดของหุ้น 50 ตัว ซึ่งไม่ใช้ราคาสุดท้ายของหุ้น 50 ตัวเหมือนกับดัชนี SET50 ที่เผยแพร่โดยตลาดหลักทรัพย์ เพื่อตัดความผันผวนของดัชนีที่อาจเกิดจากการส่งคำสั่งซื้อขายที่ไม่เหมาะสม จึงทำให้ราคา DW ที่ซื้อขายในตลาดจริงอาจแตกต่างกับราคารับซื้อคืนที่เผยแพร่บน www.blswarrant.com เล็กน้อย
นักลงทุนต้องการซื้อหรือขาย SET50 Index DW จำนวนมากไม่ควรส่งคำสั่งซื้อแบบกวาดราคา (Market Price) แต่ควรส่งคำสั่งซื้อแบบเจาะจงราคา (Price Limit) เพื่อป้องกันไม่ให้ซื้อในราคาแพงหรือขายในราคาต่ำกว่าความเป็นจริง นอกจากนี้หากหุ้นอ้างอิงใน SET50 ประกาศจ่ายปันผลก็จะไม่มีการปรับสิทธิ SET50 Index DW เนื่องจากผลกระทบอยู่ในระดับต่ำอยู่แล้ว ยกเว้นเกิดกรณีจ่ายปันผลสูงจนกระทบต่อดัชนีอ้างอิงอย่างมีนัยสำคัญ
“ในเดือนมี.ค. มีกระแสข่าวในโซเชียลเน็ตเวิร์คว่าหุ้นบางตัวราคาปรับตัวลงมาก เพราะบริษัทหลักทรัพย์ผู้ออก DW แย่งนำหุ้นอ้างอิงมาขายเพื่อปิดความเสี่ยง ซึ่งไม่เป็นความจริง เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์ฯ มีเกณฑ์ในการควบคุมการออก DW ไม่ให้กระทบราคาหุ้นอ้างอิงมากเกินไป โดยกำหนดให้ผู้ออกเลือกหุ้นใน SET100 ที่มีมูลค่าตลาดไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาทเท่านั้น รวมถึงควบคุมจำนวนผู้ออก DW แต่ละรายต้องไม่เกิน 50% ของจำนวนหุ้นที่จดทะเบียนทั้งหมด ทั้งนี้ กรณีหุ้น ITD,JAS,TPIPL นั้น มีปริมาณหุ้นที่ถือครองโดยผู้ออกแต่ละรายอยู่ในระดับต่ำเพียง 14.1%, 5.7%, 7.1% ของจำนวนหุ้นอ้างอิงที่จดทะเบียนทั้งหมดเท่านั้น”นายบรรณรงค์ กล่าว
นอกจากนี้ ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงค่อนข้างแรง ทำให้บริษัทขาย DW หลายตัวให้นักลงทุนได้เลือกเกือบครบจำนวนที่จดทะเบียนไว้กับตลาดหลักทรัพย์ ส่งผลให้ช่วงเวลาดังกล่าว ราคาของ DW อาจไม่ได้เคลื่อนไหวสอดคล้องกับราคาหุ้นอ้างอิง เนื่องจากผู้ดูแลสภาพคล่องมี DW ไม่พอควบคุมราคาให้เป็นไปตามกลไกปกติ ซึ่งนักลงทุนที่เข้าไปลงทุนใน DW ดังกล่าวอาจได้รับความเสียหาย ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหานักลงทุนควรตรวจสอบราคาเหมาะสมที่ www.blswarrant.com ก่อนลงทุนทุกครั้ง ซึ่งหากราคาในกระดานสูงกว่าราคาในเว็บไซต์ก็ควรหลีกเลี่ยงการลงทุน
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้นักลงทุนมีทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลาย หลักทรัพย์บัวหลวงได้ออก DW ชุดใหม่จำนวน 28 ตัว เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 21 เม.ย. 58 จำนวน 25 ตัว ทั้งประเภท Call และ Put อ้างอิงหุ้น BANPU, BTS, CK, CPALL, HMPRO, ICHI, SAMART,STEC, STPI, UV และ DW อ้างอิง SET50 นอกจากนี้ยังมี Call DW อ้างอิงหุ้น GUNKUL, KTC และ TICON ส่วน Put DW อ้างอิงหุ้น GUNKULจะซื้อขายวันที่ 24 เม.ย. 58 ในขณะที่ Call DW อ้างอิงหุ้น SAWAD จะเข้าซื้อขายวันที่ 29 เม.ย. 58 และ Put DW อ้างอิงหุ้น SAWAD จะซื้อขายวันที่ 7 พ.ค. 58 โดยทั้งหมดกำหนดซื้อขายวันสุดท้ายในวันที่ 30 ต.ค. นี้ ยกเว้น DW อ้างอิง SET50 จะซื้อขายวันสุดท้ายวันที่ 31 ส.ค. 58
“ในครั้งนี้จะมี DW ที่อ้างอิงหุ้นใหม่ที่บริษัทยังไม่เคยออกมาก่อนจำนวน 4 ตัว ได้แก่ บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL), บมจ. อิชิตัน กรุ๊ป (ICHI) บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) และ บมจ.ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 (SAWAD) โดยคาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน ซึ่งกรณีของ KTC นั้นมีมุมมองที่ดีจากเศรษฐกิจฟื้นตัว ขณะที่ปีที่ผ่านมารักษาคุณภาพสินทรัพย์ได้ดีทั้งที่เศรษฐกิจถดถอย ส่วน SAWAD ธุรกิจมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง” นายบรรณรงค์ กล่าว
อย่างไรก็ตามหลักทรัพย์บัวหลวงยังให้ความสำคัญในการให้ความรู้ความใจแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่องโดยจะจัดสัมมนาครั้งต่อไปในวันพุธที่ 22 เม.ย. 58 เวลา 17.30-19.30 น. ณ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) สาขาอินเวสเมนต์สเตชั่น ในหัวข้อการสัมมนาพื้นฐานการลงทุนใน Derivative Warrants โดยผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนที่ www.bualuang.co.th
ข่าวเด่น