"ศึกยูฟา แชมเปียนส์ลีก" อันเป็นฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรยุโรปรายการใหญ่ที่สุด (รองมาคือ ยูฟา ยูโรปา ลีก) ตอนนี้ใกล้จะได้คู่ชิงชนะเลิศแล้ว โดยคู่ชิงในฝันของหลายๆคนก็คือ ศึก "เอล คลาสิโก" ระหว่าง "บาร์เซโลนา" กับ "เรอัล มาดริด"
ยักษ์ใหญ่แห่งสเปนคู่นี้ ยังไม่เคยเจอกันในรอบชิงชนะเลิศของแชมเปียนส์ลีกมาก่อน ดังนั้นหากพวกเขาเปิดศึกในสนามโอลิมปิก กรุงเบอร์ลิน ก็จะเป็นบรรยากาศที่ยิ่งใหญ่ โดยตอนนี้ดูเหมือนบาร์เซโลนาจะเข้าไปรออยู่แล้วด้วย เพราะชนะ บาเยิร์น มิวนิก มา 3-0 ในนัดแรก โอกาสที่จะเข้าไปชิงชนะเลิศมีสูง เรียกว่า "ถ้าฟ้าไม่ถล่ม ดินไม่ทลาย" ก็น่าจะได้ชิงชนะเลิศแน่ๆ
แต่เดี๋ยวก่อน หยุดภาพฝันเอาไว้แค่นั้นก่อน เพราะทีมราชันชุดขาวยังต้องมีงานหนักในรอบรองชนะเลิศ นัดที่สองรออยู่
ทีมราชันชุดขาว ซึ่งนัดที่แล้วใส่ชุดดำออกไปแพ้ยูเวนตุส แชมป์อิตาลีมา 1-2 คราวนี้ได้กลับมาเล่นในบ้าน โดยมีเป้าหมายชนะ 1-0 ก็ได้เข้าชิง
อย่างไรก็ตาม บอกเลยว่านักเตะ เรอัล มาดริด ทุกคนต้องโชว์ฟอร์มสุดยอด หากจะฝ่ากำแพงรับที่เหนียวแน่น แข็งแกร่ง
ตามแบบฉบับอิตาลีของ "ยูเวนตุส" เข้าไปทำประตูได้
แน่นอนว่า นัดนี้ทีมม้าลาย ต้องวางแผนใช้ระบบนิรภัย ล็อก 2 ชั้น 3 ชั้น เพื่อป้องกันประตู แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีทีเด็ดในจังหวะฉาบฉวยโต้กลับเร็ว ซึ่งทำให้กองหลังมาดริดต้องพะวง
หาก "ยูเวนตุส" ทำสำเร็จ ได้เข้าชิงชนะเลิศ ศึก "เอล คลาสิโก" ที่หวังว่าจะได้เห็นก็จะกลายเป็น "โน คลาสิโก" ทันที
แล้วเราก็จะได้พบกับเกมระหว่างบอล 2 ทาง คือ ทีมที่มีสุดยอดเกมรุกอย่างบาร์เซโลนา ปะทะสุดยอดเกมรับอย่างยูเวนตุสแทน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ดีไปอีกอย่าง เพราะทั้งบาร์เซโลนา และ ยูเวนตุส ก็เป็นทีมที่สุดยอด นอกจากนั้น ยูเวนตุสเองห่างหายความสำเร็จบนเวทียุโรปมานานมากแล้ว ครั้งล่าสุดที่พวกเขาได้แชมป์ยุโรป คือ เมื่อปี 1996 หากพวกเขาได้แชมป์จริงๆ ก็คงทำให้แฟนๆ ชื่นใจ และทำให้ฟุตบอลอิตาลีมีโอกาสเข้ามานั่งอยู่ในใจแฟนๆ อีกครั้ง หลังจากมีปัญหามากมายในช่วงหลัง
ข่าวเด่น