หุ้นทอง
PACE ดัน "ดีน แอนด์ เดลูก้า ขึ้นแท่นแบรนด์อาหารชั้นนำของโลก พร้อมเข้าจดทะเบียนตลาดหุ้นสหรัฐ มั่นใจราคาหุ้นไอพีโอสูง


“สรพจน์”  ซีอีโอ “เพซ ดีเวลลอปเมนท์ฯ”  ประกาศวิสัยทัศน์  ปั้น”  ดีน แอนด์ เดลูก้า” ก้าวสู่การเป็นแบรนด์อาหาร เครื่องดื่มกูร์เม่ต์  และร้าน  Specialty Cafe อันดับหนึ่งของโลก เทียบเคียง “สตาร์บัคส์” มุ่งขยายสาขาให้ได้ 500 สาขา ภายใน 3-5 ปี ด้วยงบลงทุนกว่า 7 พันล้านบาท พร้อมเล็งภายใน 3 ปีนี้  ดัน “ดีน แอนด์ เดลูก้า” เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ มั่นใจราคาหุ้นไอพีโอสูง

 

นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ  PACE ประกาศกลางกรุงโตเกียว ในโอกาสพาสื่อมวลชนไทยเยี่ยมชมธุรกิจ ดีน แอนด์ เดลูก้า หรือ "D&D" ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ว่า หลังจาก  PACE เข้าซื้อกิจการแบรนด์  D&D เมื่อปลายปี 2557 เป็นต้นมา PACE ได้รับความเชื่อมั่นจาก licensee นานาประเทศ ในฐานะบริษัทที่มีศักยภาพในการพา D&D สู่แบรนด์ระดับแนวหน้าของโลก  โดยงบการเงินปี 2557 PACE เริ่มรับรู้รายได้จาก D&D จำนวน 469 ล้านบาท จากยอดขายในเดือนธันวาคมเพียงเดือนเดียว ขณะที่งวดไตรมาสแรกปี 2558 มีรายได้จาก D&D จำนวน 623 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้รวม ปี 2558 จะเพิ่มเป็น 3.3 พันล้านบาท  นอกจากนี้  D&D ญี่ปุ่น ได้ตอบรับวิสัยทัศน์ของ PACE  ที่ภายในสิ้นปี 2558 นี้ จะเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอีก 3 สาขา ในญี่ปุ่น ทำให้ PACE มองเห็นโอกาสทางธุรกิจ ที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากแบรนด์  D&D ที่มีความแข็งแกร่งอยู่แล้วและเป็นที่ยอมรับทั่วโลกโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น

 

 

ในปีนี้  PACE  จึงตั้งงบลงทุน่ไว้สูงถึง  6-7  พันล้านบาท ในการขยายสาขาให้ได้  500 สาขา  ภายใน 3-5 ปีนี้ จากปัจจุบันมี  44 สาขา ใน 7 ประเทศทั่วโลก โดยสาขาที่เปิดใหม่จะกระจายไปยังประเทศอื่นๆ อาทิ ประเทศในเอเขีย ออสเตรเลีย ยุโรป อเมริกากลางและใต้  ซึ่งในส่วนของประเทศไทยที่ปัจจุบันมี  4 สาขา ที่ MahaNakhon  CUBE , Central  Embassy Shopping Complex , Park Ventures Ecoplex , Sathom Square และปีนี้กำลังจะเปิดสาขาที่ 5 ที่ศูนย์การค้า EmQuartier โดย PACE มีแผนที่จะขยายสาขาในไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสาขาส่วนใหญ่ที่จะเปิดในอนาคตจะเป็นลักษณะร้าน Specialty Cafe ที่มีโอกาสในการเติบโตสูง และสร้างรายได้ให้บริษัทแซงหน้าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก

 

 

“PACE ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน หรือกู้เงินธนาคารมาลงทุนอีก เนื่องจากตั้งแต่ปี 2558-2561 PACE จะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการอสังหาริมทรัพย์ ที่มีมูลค่ารวมกว่า 3.5 หมื่นล้านบาทเข้ามาต่อเนื่อง ทำให้มีเงินลงทุนเพียงพอที่จะนำมาขยายสาขา D&D ในทุกปี นอกจากนี้ ในอนาคตตั้งเป้าขยายสาขา D&D ให้ได้ 1,500-3,000 สาขา หรือคิดเป็นสัดส่วน 5-10% ของจำนวนสาขาของสตาร์บัคส์ ที่มีอยู่กว่า 3 หมื่นสาขาทั่วโลก ซึ่งหากเทียบกับสตาร์บัคส์ เราเป็นแบรนด์ที่พรีเมี่ยมกว่าและเรามีสินค้าที่หลากหลายกว่า นอกจากกาแฟแล้ว เรายังมีอาหารให้นั่งทาน มีสินค้าอื่นๆที่มีคุณภาพดีจากทั่วทุกมุมโลกมาจำหน่ายอย่างครบครัน โดยลูกค้าผู้ที่รักในการทำอาหารและนักท่องเที่ยวสามารถหาซื้อสินค้าทุกอย่างได้ครบโดยไม่ต้องแวะร้านอื่นๆ เพิ่มเติม”ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเพซ กล่าว

 

 

นายสรพจน์กล่าวต่อว่า แผนต่อไป PACE  ตั้งเป้าว่า ภายใน 2-3 ปีนี้ หรือไม่เกินปี 2561 จะนำธุรกิจ "ดีน แอนด์ เดลูก้า" (D&D) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา โดยเจ้าของเดิมเคยยื่นไฟลิ่งไว้แล้ว และเชื่อว่าจากตัวธุรกิจที่มีศักยภาพและมีโอกาสเติบโตเร็ว ขณะที่คู่แข่งน้อย จะได้รับราคาหุ้นไอพีโอที่สูง หลังจากได้ศึกษาและเปรียบเทียบกับบริษัทคู่แข่งในเซ็กเมนต์เดียวกัน โดยบริษัทฯจะกระจายขายหุ้นในสัดส่วน 10-30% ของหุ้นทั้งหมด เพื่อให้  PACE  ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่และมีอำนาจในการบริหารงานตามคอนเซปต์ที่วางไว้

 

 

“จากธุรกิจ ดีน แอนด์ เดลูก้า ที่มีศักยภาพและเป็นแบรนด์ที่เป็นที่ยอมรับของทั่วโลก เคยมีกองทุนมาขอซื้อกิจการ แต่เราไม่ขาย เพราะเราศึกษามาแล้วและมองว่าธุรกิจไปได้ดี มีศักยภาพในการเติบโต และสามารถขยายสาขาออกไปได้อีกมากซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯได้อย่างต่อเนื่อง เราจึงอยากขยายกิจการเองและบริหารเองมากกว่า จึงเลือกแนวทางการระดมทุนด้วยการกระจายขายหุ้นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่เรามีนโยบายถือหุ้นใหญ่เพื่อให้มีอำนาจในการบริหารงาน “ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซฯ กล่าว

 

 

สำหรับแนวทางการขยายสาขา ดีน แอนด์ เดลูก้า นายสรพจน์กล่าวว่า จะเน้นในรูปแบบสาขาเล็ก หรือ “Specialty Cafe” ขนาดพื้นที่ 49 ตารางเมตร จำนวน 12  ที่นั่ง ซึ่งเป็นรูปแบบที่ขยายได้ง่ายกำไรเร็วกว่า และใช้งบประมาณลงทุนไม่สูงมาก เฉลี่ยสาขาละ 350,000 -1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ให้ผลตอบแทนสูงถึงปีละ 1.5-3 ล้านเหรียญฯ ต่อสาขา และให้ EBITDA อยู่ที่12-15% โดยใช้ระยะเวลาคืนทุนเพียง 3 ปี ซึ่งผลตอบแทนดังกล่าวสูงกว่าผลตอบแทนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เมื่อใช้จำนวนเงินลงทุนเท่ากัน

 

 

ทั้งนี้ หาก PACE สามารถขยายสาขาได้ตามเป้าหมาย 500 สาขา จะทำให้รายได้จากธุรกิจ D&D แซงหน้าธุรกิจอสังหาฯ ภายในปี 2561 หรือหากขยายสาขาได้ 1,000 แห่งทั่วโลก จะทำให้ PACE มีรายได้เข้ามาประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาทต่อปี

 

 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซฯ ยังกล่าวต่อไปว่า ร้าน Specialty Café ที่มุ่งเน้นจะเจาะกลุ่มลูกค้าที่มี่ความชื่นชอบในผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่มีคุณภาพสูง และเน้นเปิดสาขาในย่านธุรกิจหรือท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าระดับบนที่มีกำลังซื้อสูง ทั้งผู้พักอาศัย พนักงานบริษัท และนักท่องเที่ยวที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง

 

 

ปัจจุบัน ดีน แอนด์ เดลูก้า มีรูปแบบร้านที่แตกต่างกันตามสไตล์ของกลุ่มลูกค้าตามแต่ละพื้นที่

1.Cafe Concept  ร้านกาแฟในย่านธุรกิจที่มีเครื่องดื่มและอาหารที่ทานได้ง่ายและรวดเร็ว

2.Gourmet  Food  Hall ร้านที่ผสมผสานระหว่างแหล่งรวมความอร่อยของอาหารสด และมาร์เก็ตสโตร์ขนาดย่อมที่รวบรวมผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการทำอาหารและเครื่องปรุง พร้อมเพิ่มความหลากหลายกับพิซซ่า สเตชั่น ให้ลูกค้าได้อิ่มอร่อยกับพิซซ่าแป้งนุ่มร้อนๆ ที่เพิ่งออกจากเตา พร้อมร้านกาแฟ และเบเกอรี่ และ Restaurant&Wine Bar

3.Hybrid Concept  สาขาที่มีรูปแบบผสมครึ่งต่อครึ่งระหว่างร้านอาหารสไตล์คาเฟ่และห้างสรรพสินค้าขนาดย่อม ทั้งสินค้านำเข้าและสินค้าภายในประเทศที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ

 

 

ทั้งนี้ ปัจจุบัน  D&D มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจใน 2 รูปแบบ คือ 1.รายได้จากการลงทุนของบริษัทเองในสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย ซึ่งมีสัดส่วนสาขาประเภทนี้อยู่ 34% ของจำนวนสาขาทั้งหมด 2.รายได้จากการจำหน่ายสิทธิ์การใช้แบรนด์ D&D ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น สิงค์โปร์ เกาหลีใต้ คูเวต และฟิลิปปินส์  โดยจะคิดค่าธรรมเนียมในการใช้ไลเซนส์จากยอดขายของสาขา ซึ่งปัจจบันมีรูปแบบสาขาประเภทนี้อยู่ 66% ของจำนวนสาขาทั้งหมด โดยคาดว่าในอนาคตสัดส่วนจะใกล้เคียงกัน

 

 

ปัจจุบันถือว่า D&D เป็นธุรกิจที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว จากการศึกษาตลาดในสหรัฐอเมริกา พบว่า  D&D อยู่กึ่งกลางระหว่างธุรกิจฟาสต์ฟู้ดและธุรกิจร้านอาหารไฮเอนด์ ซึ่งเป็นเซกเมนท์ธุรกิจใหม่ที่ได้รับความนิยมสูงและมีโอกาสเติบโตมาก เนื่องจากยังมีคู่แข่งน้อย โดย ดีน แอนด์ เดลูก้า ก่อตั้งขึ้นโดย โจเอล ดีน และ จิออร์จิโอ เดลูก้า ผู้รักในการสรรหาวัตถุดิบมาประกอบอาหารและมีความฝันเดียวกันที่ต้องการสร้าง ดีน แอนด์ เดลูก้า ให้เป็นสถานที่ที่ลูกค้าจะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ในการทำอาหาร และการรับประทานอาหารที่ทำจากวัตถุดิบคุณภาพดีเยี่ยม

 

 

โดย "ดีน แอนด์ เดลูก้า" สาขาแรกเปิดตัวเมื่อปี 2520 ในย่านโซโห รัฐนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา มาร์เก็ตสโตร์ชั้นนำระดับโลก ที่มีทั้งอาหารกูร์เมต์ กาแฟ เครื่องดื่มที่หลากหลาย และสินค้าพิเศษที่หายากจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งไวน์นำเข้าระดับพรีเมี่ยมและอุปกรณ์เครื่องครัวต่างๆ ก่อนที่จะขยายไปอีกหลายเมืองในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ ทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่น ,เกาหลีใต้,ตะวันออกกลาง,ประเทศไทย,สิงคโปร์ และ ตุรกี

 

 

 

“ผมมั่นใจว่า ดีน แอนด์ เดลูก้า จะช่วยส่งเสริมธุรกิจหลักของ PACE ทั้งด้านความสม่ำเสมอของรายได้ที่จะเข้ามาอย่างต่อเนื่องตลอดปี รวมถึงภาพลักษณ์ไฮเอนด์ของแบรนด์ ดีน แอนด์ เดลูก้า ที่เกื้อหนุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการให้บริการระดับไฮเอนด์ของ PACE อีกทั้งรายได้จากหลายประเทศทั่วโลกของ ดีน แอนด์ เดลูก้า ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการกระจายความเสี่ยงของบริษัทฯ ที่มีรายได้หลักจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศเพียงอย่างเดียว ซึ่งยอด backlog ของ PACE มีมูลค่ารวมประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท จาก 2 โครงการ คือ โครงการมหานคร และโครงการนิมิต หลังสวน  โดยโครงการมหานครจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นไป ซึ่งรายได้ส่วนหนึ่งจากโครงการอสังหาริมทรัพย์ PACE จะใช้เป็นเงินลงทุนในการขยายสาขาของ ดีน แอนด์ เดลูก้า และอีกส่วนหนึ่งเพื่อใช้เป็นเงินทุนในการก่อสร้างโครงการใหม่ๆ และเชื่อว่าในระยะยาว สัดส่วนรายได้จาก ดีน แอนด์ เดลูก้า จะมีมูลค่ามากขึ้นกว่ารายได้จากอสังหาริมทรัพย์อย่างแน่นอน” นายสรพจน์กล่าว

 

 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซฯ ยังกล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ PACE ในปัจจุบัน  PACE  มีโครงการใหญ่ 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการมหานคร โครงการนิมิต หลังสวน และโครงการมหาสมุทร หัวหิน ซึ่งมีมูลค่ารวม 3.5 หมื่นล้านบาท แต่มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) 1.4 หมื่นล้านบาท โดยบางส่วนจะทยอยรับรู้ในปีนี้ และที่เหลือจะรับรู้ในปี 2559-2561 เฉลี่ยปีละประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
 

 

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารักษายอดขายจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เฉลี่ยปีละ 1 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทจะเริ่มลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โครงการใหญ่อีกครั้งในปี 2559 เพื่อให้ทันรับรู้รายได้ในปี 2562 เป็นต้นไป ซึ่งจะเป็นอสังหาริมทรัพย์โครงการใหญ่มูลค่าไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท และเน้นพัฒนาโครงการในเขตเมืองทั้งกรุงเทพฯและเมืองท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาหาที่ดินและวางแผนพัฒนาโครงการ โดยตั้งงบซื้อที่ดินไว้ 2 พันล้านบาท
 

 

"ผมมองว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ในประเทศไทย ยังมีความต้องการซื้ออยู่ แต่การตัดสินใจอาจไม่ง่ายเหมือนเมื่อก่อน เพราะผู้บริโภคกังวลภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม จากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในระยะเวลาอันใกล้นี้ จะช่วยเพิ่มดีมานด์จากนักลงทุนต่างชาติ เพราะราคาและคุณภาพอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ของไทยยังมีความคุ้มค่ามากกว่าเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้" นายสรพจน์กล่าว

 

นอกจากนี้  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซฯ ยังกล่าวต่อว่า  PACE  มีแผนจัดตั้งกองทุนเพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) จำนวน 2 กองทุน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาแผนการจัดตั้งร่วมกับที่ปรึกษาทางการเงินถึงรูปแบบและมูลค่ากองทุน คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้  โดยบริษัทจะนำธุรกิจค้าปลีก พื้นที่เช่า และจุดชมวิวของโครงการมหานคร รวมทั้งธุรกิจโรงแรม จำหน่ายเข้ากองทุน เพื่อระดมเงินมาชำระหนี้และขยายกิจการ ซึ่งจะทำให้  PACE  มีหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลง และมีเงินขยายธุรกิจต่อเนื่องหลายปี โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนและกู้เงินธนาคาร

 

 

 

สำหรับผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2558 PACE มีรายได้รวมทั้งสิ้น 700.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 694.7 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นรายได้จากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของ ดีน แอนด์ เดลูก้า จำนวน 623.3 ล้านบาท รายได้จากการขายอาคารชุดพักอาศัย 30.0 ล้านบาท รายได้จากค่าเช่าและค่าบริการ 16.5 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ 30.4 ล้านบาท
 

 

ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกของปี 2558  PACE ยังคงมีผลขาดทุนอยู่  392 ล้านบาท ซึ่งมาจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของ 2 โครงการใหม่ที่ยังไม่สามารถรับรู้รายได้ ได้แก่ โครงการนิมิต หลังสวน และ โครงการมหาสมุทร หัวหิน ตลอดจนค่าใช้จ่ายจากการเข้าซื้อกิจการ ดีน แอนด์ เดลูก้า สหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม คาดว่าในไตรมาส 4 ปีนี้  โครงการมหานครจะสามารถเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากการส่งมอบห้องชุดให้กับลูกค้า ในขณะที่โครงการมหาสมุทร หัวหิน จะเริ่มทำการขายวิลล่าในไตรมาส 4 ปีนี้ ส่วนโครงการนิมิต หลังสวน ที่ได้ทำการขายไปแล้วกว่า 90% จะเริ่มการก่อสร้างในไตรมาสท 3 ปีนี้ ซึ่งจะช่วยให้ PACE เริ่มทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องจากโครงการอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป




 


บันทึกโดย : วันที่ : 11 มิ.ย. 2558 เวลา : 07:26:04
24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 11:12 am