"ขวัญชัย" ประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ 2015 มั่นใจปัจจัยเอื้อดันยอดขายรถช่วงปลายปี ชี้ภาษีสรรพสามิตตัวใหม่ที่จะประกาศใช้เดือนม.ค.ปีหน้า เป็นตัวเร่งให้คนรีบตัดสินใจซื้อรถในงาน ระบุค่ายรถชั้นนำจัดงบการตลาดทุ่มสุดตัวหวังดันยอด

นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 32 หรือ มอเตอร์เอ็กซโป 2015 เปิดเผยว่า การจัดงานมอเตอร์เอ็กซ์โปในปีนี้ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-13 ธ.ค.นี้ ที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ได้ทุ่มงบประมาณจำนวน 180-200 ล้านบาทเพื่อการจัดงานในครั้งนี้ โดยภายในงานจะมีค่ายรถยนต์ชั้นนำกว่า 40 ยี่ห้อนำรถรุ่นใหม่่มาโชว์พร้อมให้เลือกจองด้วยโปรโมชั่นพิเศษสุด ซึ่งนอกจากรถยนต์แล้ว จะมีทั้งรถจักรยานยนต์ อะไหล่และอุปกรณ์ตกแต่งมากมาย

"คาดว่าการจัดงานมอเตอร์เอ็กซโป 2015 ในครั้งนี้ จะมีผู้เข้าชมงานประมาณ 1.55 ล้านคน และม่ียอดจองรถยนต์กว่า 50,000 คัน และเงินสะพัด 50,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายอุตสาหกรรมรถยนต์ในช่วงปลายปีให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง"ประธานการจัดงานมหกรรมยานยนต์กล่าว

นายขวัญชัยกล่าวต่อไปว่า การจัดงานในปีนี้ ค่ายรถยนต์ชั้นนำต่างเตรียมทุ่มงบประมาณการตลาดเพื่อดันยอดขายช่วงปลายปี เนื่องจากมีปัจจัยบวกเอื้อต่อการการสินใจซื้อรถยนต์หลายประการ ทั้งเงินโบนัสที่ออก และรายการส่งเสริมการขาย ที่แต่ละค่ายเตรียมลดแลกแจกแถม ขณะที่สถาบันการเงินก็เตรียมจัดแคมเปญพิเศษเพื่องานนี้โดยเฉพาะ รวมถึง มีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ นอกจากนี้ ยังมีอีกปัจจัยใหม่ที่เข้ามาช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ คือ กรณีที่ทางการจะประกาศใช้ภาษีสรรพสามิตใหม่ในเดือนม.ค.2559 ซึ่งทำให้รถยนต์บางรุ่นปรับราคาสูงขึ้น จึงเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้บริโภคเร่งตัดสินใจซื้อรถ โดยเฉพาะภายในงานที่จะได้รับโปรโมชั่นดีๆ มากมาย

สำหรับประมาณการณ์ยอดขายรถยนต์รวมในปี 2558 นี้ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 800,000 คัน หรือติดลบประมาณ 10% จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ค่อยฟื้นตัว

นอกจากนี้ ภายในงานมหกรรมยานยนต์ 2015 ที่อิมแพค เมืองทองธานี ปีนี้มีความพิเศษอีกอย่างที่ปรากฎภายในงานเป็นครั้งแรก คือ จะมีการจัดงาน ื"AAITF Bangkok 2015" (Automotive Aftermarket Industry and Tuning Trade Fair for Southeast Asia) ในวันที่ 9-11 ธันวาคม 2558 ที่ฮอลล์ 9 ภายในอิมแพค ซึ่งนอกจากจะมีการจัดแสดงสินค้า อะไหล่ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักรกล เกี่ยวกับยานยนต์มากมายแล้ว ยังเปิดเวทีให้ผู้ประกอบการ ตัวแทนจำหน่าย ผู้นำเข้า ผู้ค้าส่ง และค้าปลีก ในกลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ได้มีโอกาสเจรจาธุรกิจกันด้วย