ไอที
ทัพผลิตภัณฑ์ "Fitbit" เข้าตลาดไทย สมาร์ทวอทช์ติดตามสุขภาพ-นอน-ออกกำลัง


ท่ามกลางการใส่ใจสุขภาพเพิ่มขึ้นของชาวโลก ทำให้มีการเปิดตัวอุปกรณ์สวมใส่ได้สำหรับช่วยติดตามสุขภาพหรือการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันจากหลายค่าย สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีโอกาสเข้ามาทดสอบตลาดไทยแล้วเป็นผลิตภัณฑ์จาก “Fitbit” ซึ่งได้ผลตอบรับในทางที่ดี 

 

 

ล่าสุด Fitbit  เดินหน้ารุกตลาดอย่างเป็นทางการแล้วในปี 2558  โดยจัดมาเป็นกองทัพเลยทีเดียว เพื่อคนไทยที่ใส่ใจสุขภาพ รวมถึงชิ้นที่โดดเด่นอย่าง “Fitbit Surge” ด้วย เป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นท็อป แต่โดยรวมแล้วคาดว่าผลิตภัณฑ์ Fitbit น่าจะถูกใจบรรดาสาวกไฮเทคทั่วไป
 

 

“Fitbit” เป็นผู้นำด้านอุปกรณ์ติดตามแลสุขภาพ การนอน และการออกกำลังกายแบบเชื่อมต่อ (Connected Health and Fitness) ของสหรัฐอเมริกา โดยมี บริษัท บันเลือง ชินอินเตอร์ จำกัด เป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายนวัตกรรม “Premium Brand” นี้ ในไทย นำร่องด้วย สายรัดข้อมืออัจฉริยะ “Fitbit Flex” เข้าทดสอบตลาดไทยช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2557 ที่ผ่านมา เป็นสายรัดไฮเทคที่มาพร้อมกับความสามารถในการตรวจจับการเต้นของหัวใจและรองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนด้วยบลูทูธ จำหน่ายในร้านพาร์ทเนอร์หลายราย อาทิ ร้าน iStudio by Copperwired, iStudio by SPVi, iStudio by Uficon ,ร้าน Dot Life ,พาวเวอร์บาย, ทรูชอป และสยามทีวี ที่สนนราคา 3,990 บาท  
 
เวลานี้ “Fitbit” พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วในไทย ซึ่งทาง บันเลือง ชินอินเตอร์ฯ ได้ขนผลิตภัณฑ์มา 6 รุ่นด้วยกัน ราคาตั้งแต่ 2,000 - 8,000 บาท ราคาสบาย ๆ กระเป๋า ทุกคนสามารถจับต้องได้
 

 

นายประวิทย์ ชินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการของ บันเลือง ชินอินเตอร์ฯ กล่าวว่า นำสินค้า Fitbit มาทำตลาดในไทยหลังจากเล็งเห็นว่า ตลาดสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพกำลังเติบโต และเชื่อว่า Fitbit จะสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคคนไทยที่นิยมอุปกรณ์ทันสมัยและใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีได้
 
กลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ Fitbit  คือ กลุ่มผู้ใช้ตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไปที่รักสุขภาพหรือต้องการหรือกำลังหันมาปรับปรุงพฤติกรรมการกิน การนอน การออกกำลังกายของตัวเอง เพื่อนำไปสู่เป้าหมายของการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงนั่นเอง
 
ส่วนช่องทางการจำหน่ายยังคงผ่านหน้าร้านของพาร์ตเนอร์ต่อไป ตามร้านค้าบนห้างสรรพสินค้าทั่วไป หลักๆ คือ Jaymart และ iStudio แต่ในอนาคตเมื่อแบรนด์ได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้น อาจจะเพิ่มช่องทางจำหน่ายออนไลน์ เหมือนในต่างประเทศ นอกจากนี้ยังทำตลาดผ่านช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์กควบคู่ไปด้วย
 
สำหรับผลิตภัณฑ์เด่นของการยึดหัวหาดไทยในครั้งนี้ ได้แก่ สมาร์ทวอทช์ ตัวแรกของบริษัท "Fitbit Surge”  ซึ่งมาถึงไทยเป็นประเทศที่ 3 ตามหลังสิงคโปร์และมาเลเซียในตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ในเอเชียนั้นได้ทำตลาดที่ญี่ปุ่น เกาหลี และฮ่องกงไปแล้ว และบริษัทเชื่อว่า การเปิดตัวในไทยเป็นโอกาสที่จะช่วยดันการเติบโตของภูมิภาคเอเชียได้
 

 

"Fitbit Surge”  มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานครบครันดังนี้ คือ
 
-ฟังก์ชันเพื่อสุขภาพ  โดยมาพร้อมกับหมวดออกกำลังกายหลายแบบ ทั้งในร่มและกลางแจ้ง นอกจากนี้ ยังมีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ

-มี GPS สำหรับใช้กำหนดพิกัดผ่านดาวเทียม

-เซ็นเซอร์หลายชนิดเพื่อวัดความเอียง ความเร็ว แสง ความสูงหรือการเคลื่อนไหวต่างๆและเข็มทิศดิจิทัล

-ควบคุมได้ง่ายด้วยหน้าจอสัมผัส
 
-นอกจากนี้ ยังสามารถใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนได้ เพื่อควบคุมการเล่นเพลง และรับข้อความแจ้งเตือนได้ เช่นเดียวกับสมาร์ทวอทช์ของค่ายอื่นๆ
 
มีสนนราคาเปิดตัวในไทยอยู่ที่ 8,490 บาท โดยมี 3 สีให้เลือก คือ สีดำ สีฟ้า และสีส้ม
 
ส่วน Fitbit รุ่นอื่น ๆ ที่มาเปิดตัวพร้อมกัน  มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ดังนี้
 
Fitbit Zip ผู้ช่วยสำหรับเก็บข้อมูลการออกกำลังในรูปแบบของคลิปหนีบ ช่วยนับก้าวและแคลอรี่ เชื่อมต่ออุปกรณ์อื่นแบบไร้สายได้ จุดเด่นอยู่ที่ใช้งานยาวนาน 6 เดือน เปิดราคามาที่ 2,490 บาท
 
Fitbit One มาในทรงคลิปเช่นเดียวกับ Zip แต่เพิ่มหน้าจอแสดงผลละเอียดขึ้น และเก็บข้อมูลได้ละเอียดกว่าถึงระดับนับก้าวขึ้นบันได และเพิ่มฟีเจอร์เก็บข้อมูลการนอนมาให้ ระยะเวลาใช้งานราว 10-14 วัน เปิดราคามาที่ 3,990 บาท
 
Fitbit Charge สมาร์ทแบนด์พร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น เพิ่มฟีเจอร์นาฬิกา และการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน ส่วนฟีเจอร์พื้นฐานทำได้เหมือน One  ราคา 4,550 บาท
 

 

Fitbit Charge HR สมาร์ทแบนด์รุ่นเดียวกับ Fitbit Charge แต่เพิ่มฟีเจอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจด้วยแสงเหมือน Surge ราคาเพิ่มขึ้นเป็น 5,550 บาท
 
Fitbit Aria เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิทัล ที่เชื่อมต่อข้อมูลกับสมาร์ทโฟนได้ผ่านไวไฟ  เก็บข้อมูลได้หลายคน ทำตารางน้ำหนักเป็นชาร์ทได้ เปิดราคามาที่ 4,990 บาท
 
นับว่า มีให้เลือกมากมายหลายรุ่นทีเดียว Fitbit จะครองใจผู้บริโภคชาวไทยได้หรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป ..


LastUpdate 22/06/2558 16:14:33 โดย : Admin
28-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 28, 2024, 10:54 pm