ในที่สุดเหล่าสาวก “Apple” ค่ายยักษ์ใหญ่ไอทีจากสหรัฐที่เฝ้ารอคอย “นาฬิกาอัจฉริยะ” (Smart Watch) แบรนด์ของ Apple มานาน คงจะยิ้มออกกันเสียที เมื่อ Apple ประกาศวันจำหน่าย “Apple Watch” อย่างเป็นทางการออกมาแล้ว ให้ Apple Online Store ประเทศไทย เปิดขายในวันที่ 17 กรกฎาคม นี้แล้ว เตรียมทุบกระปุกกันได้เลย
โดย Apple Watch Sport ราคาถูกสุดราคาเริ่มต้นที่ 13,500 บาท , เริ่มต้นที่ 20,500 บาท สำหรับรุ่น Apple Watch และเริ่มที่ราคา 395,000 บาท สำหรับรุ่น Apple Watch Edition และมีรุ่นแพงสุดที่ 660,000 บาท
ทั้งนี้ ข่าวคราว Apple พัฒนาอุปกรณ์สวมใส่ได้อัจฉริยะเริ่มมานับแต่ต้นปี 2013 และเป็นที่รอคอยของเหล่าสาวกทั่วโลก ซึ่งนับแต่นั้นมีหลายค่ายชิงเปิดตัวสมาร์ทวอทช์ของตัวเองออกมา กระทั่งช่วงเดือนเมษายน 2015 นี้ Appleจึงได้ฤกษ์ปล่อยผลิตภัณฑ์ของตนสู่ตลาด เริ่มวางขายใน 9 ประเทศก่อน ได้แก่ ออสเตรเลีย แคนาดา จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี ฮ่องกง ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา
อีกไม่นานเกินรอ สาวกในไทยจะได้มีโอกาสเป็นเจ้าของ Apple Watch กันแล้ว ซึ่งแต่ละรุ่นมีราคาแตกต่างกันตามความแตกต่างของตัวเรือนและสายที่มีความงามต่างกันไปตามแฟชั่น โดยแบ่งเป็น 3 คอลเลคชั่น คือ Apple Watch แบบมาตรฐานมี 20 รุ่น แบบ Apple Watch Sport มี 10 รุ่น และแบบ Apple Watch Edition มี 8 รุ่น แต่ความสามารถในการใช้งานไม่แตกต่างกัน ทั้งการสั่งการ ดูเวลา และใช้งานแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ
Apple Watch Sport มีตัวเรือนอะลูมิเนียมชุบผิวน้ำหนักเบา สีเงินหรือสีเทาสเปซเกรย์ สาย Fluoroelastomer มีให้เลือก 5 สี จอภาพได้รับการปกป้องด้วยกระจก Ion-X ที่แข็งแกร่ง
Apple Watch ตัวเรือนทำจากสแตนเลสสตีลขัดเงา และสแตนเลสสตีลสีดำสเปซแบล็ค สายหนังมีให้เลือก 3 แบบแตกต่างกัน ได้แก่ สายแบบ Link Bracelet, สายแบบ Milanese Loop และสายที่ทำจาก ยาง Fluoroelastomer คุณภาพสูง
Apple Watch Edition ตัวเรือนทำจากทองคำ 18 กะรัต มีความแข็งจากทองคำมาตรฐานถึง 2 เท่า และสายเฉพาะรุ่นที่พิถีพิพันทำมาอย่างดี
Apple Watch มาพร้อมสเปคและความโดดเด่นในการใช้งานหลายอย่าง ดังนี้
-มีดีไซน์ประณีต หน้าจอความละเอียดใกล้เคียง Retina Display หน้าจอมี 2 ขนาด แบ่งตามความสูง คือ 38mm และ 42mm
-สั่งงานได้ 2 รูปแบบ สัมผัสหน้าจอทัชสกรีน และการหมุนที่เม็ดมะยม
-ชาร์จไฟผ่านสาย Mag Safe ได้เหมือนเครื่อง Mac
-ทำงานทั้งระบบด้วยชิพเซ็ต Apple S1 เพียงชิ้นเดียว เชื่อมต่อ WiFi และ Bluetooth
-แบตเตอรีชาร์จเต็ม ใช้งานได้นานประมาณ 18 ชั่วโมง
-มาพร้อมเซ็นเซอร์สำคัญ 3 อย่าง คือ เซ็นเซอร์วัดการเต้นของหัวใจ,GPS ใช้ร่วมกับ WiFi ใน iPhone วัดระยะทางของกิจกรรมที่ไม่สามารถนับก้าวได้ เช่น ปั่นจักรยาน เป็นต้น และเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวใช้วัดการเคลื่อนไหวของร่างกายและช่วยคำนวณแคลอรี่ที่เผาผลาญตลอดทั้งวันได้
-นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์เด่นๆ อีกหลายอย่าง เช่น สามารถทำงานร่วมกับ iPhoneได้ตั้งแต่รุ่น iPhone 5 ขึ้นไป ช่วยแจ้งเตือนว่าใครติดต่อมา ปรับเวลาให้อัตโนมัติ และสามารถปรับแต่งหน้าปัดได้มากกว่า 2 ล้านแบบ เป็นต้น
-ลำโพงและไมโครโฟนในตัว
-สามารถกันน้ำได้ตามมาตรฐาน IPX7
-ที่สำคัญมีแอพพลิเคชั่นให้ใช้งานเพื่อชีวิตที่สะดวกสบายขึ้นมากกว่า 3,000 แอพฯ โดยเมื่อเร็วๆ นี้ "ทิม คุก" ซีอีโอของ Apple ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Bloomberg Businessweek ฉบับภาษาจีน พูดถึงความนิยมของ Apple Watch ในกลุ่มนักพัฒนาว่า ได้รับความสนใจเข้าร่วมพัฒนาแอพฯ มากกว่า 3,500 แอพฯ ซึ่งเป็นตัวเลขเริ่มต้นที่สูงมาก หากเทียบกับสมัย iPhone เปิดให้พัฒนาแอพฯ ในปี 2008 ที่ช่วงแรกมีแอพฯเพียง 500 แอพฯ ส่วน iPad ตอนเปิดตัวเมื่อปี 2010 มีแอพฯ เริ่มต้นที่ประมาณ 1,000 เท่านั้น
ใครสนใจสามารถเข้าไปสั่งซื้อได้ที่ Apple Online Store ประเทศไทย ซึ่งเริ่มขาย 17 กรกฎาคม 2558 นี้ โดยชำระเงินผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตเท่านั้น ใครไม่อยากชำระเงินก้อน ทางแอปเปิลมีบริการให้ผ่อนชำระได้
ข่าวเด่น