หลังจากค่ายไอทียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ “Apple” ประกาศพร้อมวางจำหน่ายนาฬิกา Apple Watch ในประเทศไทย โดยมีกำหนดเริ่มเปิดขายในวันที่ 17 กรกฎาคม 2015 นี้แล้ว ผ่านทางเว็บไซต์ Apple Online Store ประเทศไทย มีราคาเริ่มต้น 13,500 บาท ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้กระแสสมาร์ทวอทช์ดูคึกคักขึ้นมาพอสมควร
แม้การมาของ Apple Watch จะลดความน่าสนใจของนาฬิกาธรรมดาไปบ้าง แต่ขณะเดียวกันสาวกไฮเทคได้เริ่มมองหาและเปรียบเทียบกับสมาร์ทวอทช์ของค่ายอื่น ๆ ตามมาด้วย ซึ่งคู่แข่งที่มาเป็นตัวเลือกมีอยู่หลายค่าย อาทิ Huawei, Garmin และ Blocks Wearables จึงไม่ง่ายนักสำหรับ Apple Watch ที่หากคิดจะเป็นเจ้าตลาด
ในเวลานี้มีบริษัทเทคโนโลยีหลายค่ายพัฒนาสมาร์ทวอทช์ออกมา ซึ่งสร้างจุดเด่นแตกต่างกันไป เรียกว่า เป็นคู่แข่งที่ Apple Watch ประมาทไม่ได้เลยทีเดียว
ตัวอย่างสมาร์ทวอทช์ที่มีรายงานข่าวออกมาในเวลาใกล้เคียงกับ Apple Watch ออกสู่ตลาดโลกตั้งแต่เดือนเมษายน 2015 เป็นต้นมา มีดังนี้
1. “MyKronoz ZeCircle” สมาร์ทวอทช์ของบริษัทสัญชาติสวิส ชื่อ Kronoz LCC ใน Swisslicon-Valley มีดีไซน์ทันสมัยเหมาะสำหรับหนุ่มสาวทุกไลฟ์สไตล์ ตัวเรือนทำจากอะลูมิเนียมจึงมีความทนทาน ,สายเป็นยางซิลิโคน สามารถถอดเปลี่ยนได้ มีให้เลือกถึง 8 สี และยังปรับได้ตามขนาดของข้อมือผู้ใส่ ,ด้านหลังตัวเรือนมีแม่เหล็กสำหรับชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งชาร์จใช้เวลา 2 ชั่วโมงสามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 3-4 วัน ,สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ผ่านบลูทูธหลังดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น ZeCircle ลงเครื่อง โดยแอพฯนี้รองรับอุปกรณ์ระบบ iOS , Android และ Windows Phone หลังเชื่อมต่อกันแล้วจะสามารถแจ้งเตือนได้ทันทีเมื่อมีสายโทรเข้า ,มีข้อความและแจ้งเตือน Socile Network ช่วยให้ไม่พลาดเรื่องสำคัญ
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งเวลาเพื่อทำสิ่งต่างๆ ในแต่ละวันได้ เช่น เวลานอน,เวลากิน,เวลากินยา หรือเวลาตื่นนอน เป็นต้น อีกทั้งยังกันน้ำได้ด้วยตามมาตรฐาน IP67 เวลานี้มีขายแล้วในไทยในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เช่น The Mall, Big C, Tesco Lotus และ เว็บไซต์ออนไลน์ Thaiway ที่สนนราคา 2,990 บาท
2. อีกรุ่นที่มีขายในไทยแล้ว ได้แก่ “Garmin VIVOActive” เป็นสมาร์ทวอทซ์พร้อม GPS ในตัว สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายและเคลื่อนไหว ตัวเรือนทำจากพลาสติกสีขาว ทรงสี่เหลี่ยมขนาด 43.8x 38.5x 8.0 มิลลิเมตร น้ำหนักรวม 18 กรัม มีหน้าจอสัมผัสขนาด 1.13 นิ้ว ความละเอียด 205x148 พิกเซล ด้านล่างของหน้าจอมีปุ่มกดแบบสัมผัส 2 ปุ่ม ได้แก่ปุ่ม ย้อนกลับ กับ ปุ่ม Recent app ด้านข้างขวาของตัวเรือนมีปุ่มเมนู (Menu) สำหรับเข้าหน้าเมนูแอพพลิเคชั่น
เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ทั้งระบบ Android และ iOS สามารถอ่านการแจ้งเตือน, ปฏิทิน, สายไม่ได้รับ, พยากรณ์อากาศ รวมไปถึงควบคุมการเล่นเพลงจากแอพฯ Music บนสมาร์ทโฟนได้ กันน้ำได้ตามมาตรฐาน 5 ATM หรือกันน้ำได้ลึกสูงสุดถึง 50 เมตร
ในการออกกำลังกายมีให้เลือกใช้งานได้หลายอย่างดังนี้คือ
RUN : โหมดการวัดค่าที่เกี่ยวข้องกับการวิ่ง เช่น Time, Pace, Distance, Heart rate
BIKE : โหมดการวัดค่าที่เกียวข้องกับขี่จักรยาน เช่น Time, speed, Distance, Calories
SWIM : โหมดการวัดค่าที่เกียวข้องกับการว่ายน้ำ เช่น Laps, Distance, Strokes, Interval Count
Goft : โหมดการวัดค่าที่เกียวข้องกับการตีกอลฟ์ เช่น Course Maps, Hole Number, Par, Distance
Walk : โหมดการวัดค่าที่เกียวข้องกับการเดิน เช่น Step, Auto Goal, Calories, Sleep
Indoor : โหมดการวัดค่าที่เกียวข้องกับการออกกำลังกายในร่ม
เวลานี้ Garmin ประเทศไทย นำเข้าตลาดแล้วที่ราคา 9,700 บาท ณ ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายสินค้าไอทีและแก็ดเจ็ต รวมไปถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ มี 2 สี ให้เลือก คือ สีขาวกับสีดำ และสายนาฬิกามีให้เลือกเปลี่ยนตามไลฟ์สไตล์ได้อีก 7 สี
3. "Blocks" เป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นแรกของโลกที่มาแปลก ทำให้ผู้ใช้ได้สนุกสนานกับการสามารถแยกชิ้นส่วนได้ (modular smartwatch) เป็นผลงานความร่วมมือของบริษัทสตาร์ทอัพในอังกฤษ ชื่อว่า Blocks Wearables และ Qualcomm บริษัทผู้ผลิตชิปเซ็ตรายใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งการออกแบบสมาร์ทวอทช์ Blocks ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแนวคิด Phoneblocks โทรศัพท์แยกส่วนได้ ที่ถูก Google ซื้อและนำไปพัฒนาต่อเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจค Ara
Blocks ออกแบบมีหน้าปัดเป็นรูปทรงกลมทำหน้าที่เป็นโมดูลหลัก ภายในประกอบด้วย Bluetooth, motion sensor, Wi-Fi, microphone, main battery และชิปประมวลผล ทั้งหมดเหล่านี้ประกอบรวมกันอยู่ในโมดูลหลักและทำหน้าที่แบบเดียวกันกับสมาร์ทวอทช์ทั่วไป สามารถรับข้อมูลการแจ้งเตือน สั่งการด้วยเสียงได้และติดตามพฤติกรรมด้านสุขภาพและการออกกำลังกาย ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android Lollipop (เวอร์ชั่นปรับแต่งเพิ่มเติม) และใช้งานชิป Snapdragon 400
สำหรับสายนาฬิกาแต่ละชิ้นทำงานเชื่อมโยงเข้ากับโมดูลหลัก โดยมีฟังก์ชั่นที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งาน เช่น GPS, เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, แบตเตอรี่เพิ่มเติมหรือส่วนประกอบสำหรับระบบชำระเงินไร้สาย เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัท Blocks Wearables มีแผนจะระดมทุนเพื่อผลิตและจำหน่าย Blocks ช่วงกลางปีนี้ แต่ยังไม่มีกำหนดการแน่นอน
4. ส่วน “Huawei Honor Band Zero” สมาร์ทวอทช์จากค่าย Huawei พร้อมจะวางขายในอนาคตอันใกล้ราวเดือนสิงหาคมนี้แล้ว เป็นสมาร์ทวอทช์ที่ออกแบบหน้าปัดเป็นรูปทรงกลมรองรับระบบสัมผัสและล้อมกรอบด้วยโลหะสวยงาม มีความสามารถหลายอย่าง ทั้งแจ้งเตือนข้อความหรือสายเข้า-ออกได้, ใช้นับก้าวเดินได้ รวมไปจนถึงใช้ตรวจเช็ครูปแบบการนอนได้, สามารถกันน้ำกันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP68 และมีสายให้เลือก 3 สี คือ สีดำ, สีครีม และสีขาว แต่ Huawei ไม่ได้เปิดเผยว่า ใช้ระบบปฏิบัติการอะไรและจะมีราคาเท่าไหร่ จีนจะได้ใช้ก่อนเป็นที่แรก
5. สำหรับ "Casio Smartwatch" จะออกมาราวเดือนมีนาคม 2016 โดยสมาร์ทวอทช์รุ่นแรกของ Casio Computer จะออกแบบให้แข็งแรงทนทาน, สวมใส่ง่าย และตรงกับความต้องการของตลาดที่มีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นผู้ชายที่โปรดกิจกรรมกีฬากลางแจ้ง มีราคาอยู่ที่ประมาณ $349 ใกล้เคียงกับ Apple Watch Sport รุ่นถูกสุด าวญี่ปุ่นและสหรัฐฯจะได้เห็นก่อนใครในปีหน้า สำหรับสาวกไฮเทคในไทยอีกไม่นานเกินรอก็คงจะได้เห็นโฉมกัน (ตอนนี้ยังไม่เปิดเผยรูปลักษณ์ให้เห็น)
โดยภาพรวมแล้วจะเห็นได้ว่า Apple Watch ยังต้องเผชิญกับคู่แข่งอีกหลายรายเลยทีเดียว ซึ่งที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ถือเป็นความโชคดีของผู้บริโภคหรือผู้ซื้อ ที่จะได้มีโอกาสได้เลือกช้อปให้ตรงตามความต้องการของตัวเอง..และคุ้มค่าในการใช้งาน
ข่าวเด่น