ในที่สุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็มีมติเห็นชอบให้ "นายวิรไท สันติประภพ" นักเศรษฐศาสตร์ ที่ปรึกษาสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เป็นผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่คนที่ 23 แทนนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท. คนปัจจุบัน ที่กำลังจะหมดวาระลงในวันที่ 30 ก.ย.นี้

นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบให้นายวิรไท ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เนื่องจากเป็นคนมีความรู้ความสามารถ น่าจะสามารถบริหารนโยบายการเงินได้

นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการ ธปท. ระบุด้วยว่า อายุการทำงานไม่สำคัญ แม้ผู้ว่าการธปท.คนใหม่จะมีอายุเพียง 45 ปี เนื่องจากพื้นฐานการทำงานจบจากมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดที่มีชื่อเสียง ประวัติการทำงานดีเยี่ยมจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)

นอกจากนี้ ยังผ่านงานที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) จึงมีประสบการณ์ครบถ้วน ส่วนการสรรหาก็ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มีอดีตปลัดกระทรวงการคลังเป็นกรรมการ ซึ่งรู้จักการทำงานของธปท.ดี การคัดเลือกจึงถือว่าเป็นที่ยอมรับ และตำแหน่งผู้ว่าฯ ธปท.
ก็เคยมีบุคคลภายนอกเข้ามาดำรงตำแหน่ง

นายทนง พิทยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า การที่ครม.เลือก นายวิรไท มาดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะมีประสบการณ์การทำงานในองค์กรต่างๆ โดยเฉพาะในกองทุนเงินระหว่างประเทศ รวมถึงความเป็นนักเศรษฐศาสตร์รุ่นใหม่ เชื่อว่าจะเป็นการบริหารนโยบายการเงินมีความเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ
รวมถึงสามารถสร้างความสมดุลระหว่างภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงและภาคการเงินได้

ส่วนงานที่ท้าทาย นายวิชัย อัศรัสกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ประเด็นที่จะท้าทายผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ คือการดูแลเศรษฐกิจระดับรากหญ้าใน 3 กลุ่ม คือ กลุ่มเกษตรกร โดยเฉพาะแหล่งเงินของเกษตรกร เพื่อนำไปปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตที่มากขึ้น กลุ่มเอสเอ็มอี เนื่องจากไทยจะต้องเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน (เออีซี) แต่ผู้ประกอบการยังไม่สามารถปรับตัวได้ทัน รวมถึงกลุ่มประชาชนที่ขณะนี้มีหนี้ครัวเรือนอยู่ในอัตราสูง ซึ่งจะกระทบกับกำลังซื้อในประเทศและอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ