หลังจากเครื่องดื่มชูกำลังภายใต้แบรนด์ "คาราบาวแดง" ทดลองทำตลาดในภูมิภาคอาเซียนมาพักใหญ่ ซึ่งก็ได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดีในหลายประเทศ ส่งผลให้ คาราบาวแดง มีความมั่นใจที่จะขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคยุโรป หลังจากได้มีโอกาสเข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุนสโมสรเรดดิ้ง ในลีกฟุตบอล เดอะแชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ เป็นระยะเวลา 1 ปีนับจากนี้
จากโอกาสที่วิ่งเข้าหาดังกล่าว ส่งผลให้ บริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ไม่รีรอที่จะขยายธุรกิจเข้าไปในภูมิภาคดังกล่าว เพื่อทดแทนรายได้ที่มาจากในประเทศ ซึ่งปัจจุบันยังคงอยู่ในภาวะทรงตัว เนื่องจากภาพรวมตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ภาวะอิ่มตัว ประกอบกับขณะนี้มีปัจจัยลบในด้านของเศรษฐกิจและภัยแล้ง ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคยังคงชะลอตัวตามปัจจัยลบ
นอกเหนือจากตลาดในประเทศอังกฤษที่ต้องการจะเข้าไปทำตลาดแล้ว สเปนถือเป็นอีกหนึ่งประเทศ ที่บริษัท คาราบาว กรุ๊ป ให้ความสนใจเข้าไปทำตลาด เพื่อปูทางสู่การขยายธุรกิจตลาดยุโรปในอนาคต ซึ่งจะปลุกปั้นให้เป็นอีกหนึ่งตลาดของการสร้างสัดส่วนรายได้ในต่างประเทศให้เป็น 50% เท่ากับตลาดในประเทศภายในอีก 3 ปีข้าหน้า
สำหรับเครื่องดื่มชูกำลังที่จะนำเข้าไปทำตลาดในกลุ่มประเทศยุโรปนั้น บริษัท คาราบาว กรุ๊ป จะใช้แบรนด์ คาราบาว เป็นแบรนด์หลักในการทำตลาดเหมือนกับการตลาดในภูมิภาคอาเซียนและอเมริกา ที่เคยนำสินค้าเข้าไปทำตลาดบ้างแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก เนื่องจากวางสินค้าจำหน่ายเฉพาะกลุ่มในย่านคนเอเชียมากเกินไป
นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เหตุผลที่ทำให้บริษัทหันมาให้ความสำคัญกับการทำตลาดต่างประเทศมากขึ้น คือ สามารถทำราคาได้สูงกว่าการจำหน่ายในประเทศ เช่น การขยายที่ประเทศกัมพูชา เครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดงจะขายอยู่ที่ขวดและประมาณ 30 บาท ซึ่งแพงกว่าที่จำหน่ายในประเทศไทยเกือบ 2 เท่าตัว
ส่วนแผนการทำตลาดในยุโรปนั้น ภายหลังจากได้เซ็นสัญญาเข้าเป็นผู้สนับสนุนสโมสรเรดดิ้ง ในลีกฟุตบอล เดอะแชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ เป็นระยะเวลา 1 ปี บริษัท คาราบาว กรุ๊ป มั่นใจว่าจะสามารถสร้างแบรนด์สินค้าให้เป้นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคในประเทศอังกฤษได้อย่างแน่นอน ซึ่งในส่วนของช่องทางการจำหน่ายจะเน้นไปที่การขายผ่านคลับในสโมสรและซูเปอร์มาร์เก็ต
ทั้งนี้ เบื้องต้นวางราคาขายเครื่องดื่มชูกำลัง คาราบาว ไว้ที่กระป๋องละ 1.5 ปอนด์ หรือประมาณ 60-70 บาท โดยหลังจากเข้าไปทำตลาดอย่างจริงจัง คาดว่าในอีก 3 ปี จะมีรายได้จากประเทศอังกฤษ ไม่ต่ำกว่า 500-600 ล้านบาท ซึ่งหลังจากทำตลาดในประเทศอังกฤษไประยะหนึ่ง ก็จะเข้าไปทำการตลาดในประเทศสเปนควบคู่กันไป เพื่อสร้างพื้นฐานธุรกิจที่ดีในยุโรปก่อนที่จะบุกทำตลาดในประเทศอื่นต่อไป
นายเสถียร กล่าวต่อว่า การทำตลาดเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวในต่างประเทศ บริษัทได้มอบหมายให้ บริษัท อินเตอร์คาราบาว จำกัด เป็นผู้ดูแลและหาพันธมิตรเพื่อทำตลาดในประเทศต่างๆ ซึ่งในแต่ละประเทศก็จะมีตัวแทนจำหน่ายเข้ามารับผิดชอบต่อจาก บริษัท อินเตอร์คาราบาว โดยในส่วนของสินค้าที่จะนำเข้าไปจำหน่าย จะมีทั้งรูปแบบที่ใส่คาร์บอเนต และไม่ใส่คาร์บอเนต ซึ่งบริษัทจะพิจารณาจากความต้องการของประเทศนั้นๆ เป็นหลัก เพื่อให้สินค้าที่นำเข้าไปทำตลาดตรงกับความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
นอกจากจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดในยุโรป ด้วยการเข้าไปทดลองทำตลาดในประเทศอังกฤษและสเปนแล้ว บริษัท คาราบาว กรุ๊ป ยังมีแผนที่จะนำเครื่องดื่มชูกำลังภายใต้แบรนด์คาราบาว เข้าไปขยายตลาดในประเทศเดิมที่ทำตลาดมากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกัมพูชา พม่า หรือ อเมริกา เนื่องจากยังมีช่องว่างให้เข้าไปขยายตลาดอีกมาก โดยหลังจากขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีรายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ที่มีรายได้กว่า 2,000 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 4,000 ล้านบาท ในอีก 3 ปี
อย่างไรก็ดี เพื่อรองรับการขยายตลาดต่างประเทศ บริษัท คาราบาว กรุ๊ป มีแผนที่จะใช้งบ 500-600 ล้านบาท ซื้อเครื่องจักรใหม่ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต 100% จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตต่อปีอยู่ที่ 350 ล้านกระป๋อง ในกลุ่มของเครื่องดื่มชูกำลังแบบกระป๋อง ทั้งในรูปแบบมีคาร์บอเนต และไม่มีคาร์บอเนต
ขณะเดียวกัน ในปีนี้ บริษัท คาราบาว กรุ๊ป ยังมีแผนที่จะขยายศูนย์กระจายสินค้าให้ครบ 9 แห่ง เพื่อให้ครอบคลุมร้านค้าปลีกประมาณ 8,000-10,000 ร้านค้าต่อศูนย์ โดยในเดือน ก.ค.นี้ จะขยายไปที่ ขอนแก่น อุดรธานี ส่วนเดือน ส.ค. จะขยายไปที่ร้อยเอ็ด หลังจากนั้นจะขยายไปที่สุรินทร์ อุบลราชธานี และสกลนคร ส่วนอีก 3 แห่งที่เหลือ อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเป็นจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือหรืออีสาน โดยในส่วนของแผนระยะยาวคาดว่าภายใน 3 ปีนับจากนี้ จะมีศูนย์กระจายสินค้าครบ 30 แห่งทั่วประเทศ ครอบคลุมร้านค้าปลีกทั่วประเทศประมาณ 3 แสนร้านค้า
สำหรับภาพรวมตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของไทยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตติดลบอยู่ที่ประมาณ 3% เนื่องจากตลาดค่อนข้างอิ่มตัว แต่หลังจากมีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามา และมีการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกันอย่างต่อเนื่อง คาดว่าสิ้นปีภาพรวมตลาดเครื่องดื่มชูกำลังจะกลับมาทรงตัว ด้วยการมีมูลค่าใกล้เคียงกับปี 2557 ที่กว่า 30,000 ล้านบาท
แม้ว่าภาพรวมตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศไทยจะอยู่ในสถาการณ์ติดลบ แต่ในส่วนของยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดงในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ยังคงมีอัตราการเติบโตเป็นที่น่าพอใจ ด้วยการมีอัตราการเติบโตที่ดีกว่าภาพรวมตลาด เนื่องจากออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง โดยสิ้นปีคาดว่าจะยังสามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้ได้ที่ 22-23%
เช่นเดียวกับภาพรวมรายได้จากการส่งออกในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งยังเติบโตได้ดี โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (CLMV) โดย บริษัท คาราบาว กรุ๊ป มีตลาดหลักอยู่ที่ประเทศกัมพูชา และพม่า ส่วนอัฟกานิสถานในไตรมาส 2 เริ่มมีคำสั่งซื้อปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น หลังไตรมาสแรกอยู่ในภาวะที่ชะลอตัว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดในอัฟกานิสถานจะยังได้ผลการตอบรับที่ไม่ดีนัก แต่ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป ก็ยังคงจะเดินหน้าขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยการขยายช่องทางการทำตลาดใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับตลาดในประเทศอเมริกา และจีน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เคยส่งสินค้าเข้าไปทำตลาดมาบ้างแล้ว โดยในส่วนของตลาดในประเทศจีนมีแผนจะเข้าไปเพิ่มช่องทางการขายมากขึ้นในช่วงไตรมาส 3 นี้
นายเสถียร กล่าวว่า หลังจากเดินหน้าขยายตลาดต่อเนื่อง คาดว่าอีก 3 ปีจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ในประเทศ 50% ต่างประเทศ 50% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสิ้นปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้ในประเทศ 70% และต่างประเทศ 30%
การออกมาปรับแผนรุกตลาดส่งออกของ บริษัท คาราบาว กรุ๊ป ในครั้งนี้ นอกจากจะเพิ่มรายการให้กับ บริษัท คาราบาว กรุ๊ป ได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์สินค้าที่โกอินเตอร์ ด้วยการสร้างแบรนด์สินค้าไทยให้ทั่วโลกรู้จักอีกด้วย
ข่าวเด่น