ปัจจัยลบทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาพรวมตลาดไอศกรีมในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 15,000 ล้านบาท เติบโตอยู่ในระดับติดลบ เนื่องจากผู้บริโภคมีการชะลอกำลังซื้อ และจากแนวโน้มที่ขณะนี้กำลังซื้อของผู้บริโภคในไม่ฟื้นตัวในทิศทางที่ดีนัก ส่งผลให้คาดการณ์กันว่าภาพรวมตลาดไอศกรีมในประเทศไทยสิ้นปีนี้น่าจะอยู่ในภาวะทรงตัว ด้วยการมีมูลค่าตลาดใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี จากอัตราการบริโภคไอศกรีมของคนไทยที่ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับหลายๆ ประเทศ ประกอบกับประเทศไทยมีสภาพอากาศที่ร้อน จึงทำให้ผู้ประกอบการในธุรกิจไอศกรีมยังคงมีความหวังในการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย เพราะปัจจุบันอัตราการบริโภคไอศกรีมของคนไทยมีเพียง 2 ลิตร/คน/ปีเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าอัตราการบริโภคของคนอเมริกาที่จะอยู่ที่ 15 ลิตร/คน/ปี
หนึ่งในผู้ประกอบการที่เล็งเห็นโอกาสดังกล่าว คือ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (ซีอาร์จี) ผู้ดำเนินธุรกิจไอศกรีมมิกซ์ ระดับซูเปอร์พรีเมี่ยม ภายใต้แบรนด์ "โคนสโตน ครีมเมอรี่" ด้วยจุดเด่นที่ทำการตลาดแบบ 360 องศา และมีการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการเปิดร้านสาขาใหม่ จึงทำให้ภาพรวมผลประกอบการของร้านไอศกรีมโคล สโตนฯ ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโจสูงถึง 30% เมื่อเทียบกับปี 2557 ซึ่งถือว่าดีมากหากเทียบกับเศรษฐกิจโดยรวม
นางวชิราภรณ์ วานิชชัย ผู้จัดการทั่วไป แบรนด์ โคล สโตน ครีมเมอรี่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ภายหลังจากบริษัทหันมาทำการตลาดภายใต้กลยุทธ์แบบ 360 องศา ด้วยการหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนารูปแบบสินค้า ราคา และขนาดของสินค้า เพื่อให้มีความหมาะกับผู้บริโภคชาวไทย ส่งผลให้ยอดขายไอศกรีมของร้านโคนสโตนฯ มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ซีอาร์จียังคงเน้นการขยายธุรกิจภายใต้ 3 กลยุทธ์หลัก เพื่อขยายช่องทางขายใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประกอบด้วย 1. การเพิ่มทีมโมบายออฟฟิศโรดโชว์ นำเอ้าท์เล็ทไปกระจายตั้งจุดขายและแนะนำสินค้า เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคใหม่ๆ ที่มีกำลังซื้อ ได้ลิ้มลองความอร่อย รสชาติเข้มข้นของโคล สโตนฯ 2.การจัดส่ง Delivery เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า และ 3.การจัดเสิร์ฟแบบจัดเลี้ยง Catering งานเลี้ยงต่างๆ
ขณะเดียวกันก็จะเน้นการทำการตลาดเชิงรุกทั้ง Above the line และ Below the line ด้วยการเน้นทำการตลาดทั้ง Online และ Offline Marketing เช่น การออกบูธตามงานอีเวนต์ต่างๆ ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดและราคาเหมาะสมกับกลุ่มผู้บริโภคคนไทย ซึ่งเป็นการทำการตลาดอย่างต่อเนื่องจากปีก่อนๆ ซึ่ง ซีอาร์จีมีการปรับรูปแบบของการจำหน่ายสินค้าที่ราคาถูกลง เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทดลองชิมสินค้าที่จำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสินค้าเครื่องดื่ม หรือไอศกรีม ซึ่งได้วางราคาขายเริ่มต้นไว้ที่ 55-65 บาท
นางวชิราภรณ์ กล่าวว่า ราคาที่บริษัทได้กำหนดขึ้นมาใหม่ในครั้งนี้ เชื่อว่าผู้บริโภคจะไม่สามารถหารับประทานได้ในระดับคุณภาพพรีเมียมจากแบรนด์อื่นๆ โดยในส่วนของสินค้าเครื่องดื่ม บริษัทได้วางราคาพิเศษไว้เพียงแก้วละ 59 บาท เท่านั้น ขณะที่เครื่องดื่มปั่น (Frappe) กำหนดราคาขายไว้ถูกกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน นอกจากนี้ บริษัทยังเน้นการทำการตลาด Delivery and Catering ซึ่งปัจจุบันได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี จากหน่วยงานเอกชน และบุคคลทั่วไป
นอกจากจะให้ความสำคัญในเรื่องของการทำตลาดแล้ว ซีอาร์จียังคงเดินหน้าขยายร้านโคล สโตนฯ สาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของปีนี้ได้เตรียมงบประมาณไว้มากกว่า 50 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายสาขา ตกแต่งร้าน และงบการตลาด ซึ่งในส่วนของการขยายสาขาใหม่ปีนี้ ซีอาร์จีจะเปิดเพิ่มอีก 3 สาขา ประกอบด้วย สาขาศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า เวสต์เกต ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่าปิ่นเกล้า และศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสท์ วิลล์
จากแผนการดำเนินงานดังกล่าว จะส่งผลให้ร้านโคนสโตนฯ มีจำนวนสาขาที่เปิดให้บริการทั้งหมดในสิ้นปีนี้อยู่ที่ประมาณ 16 สาขา จากปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 13 สาขา แบ่งเป็นในกรุงเทพ 11 สาขา และต่างจังหวัด 2 สาขา ส่วนแผนการเปิดร้านใหม่ในปี 2559 มีแผนที่จะเปิดเพิ่มอีกประมาณ 3-5 สาขา เช่นกัน ซึ่งจากแนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าว คาดว่าภายในอีก 5 ปีนับจากนี้ จะมีร้านโคนสโตนฯ เปิดให้บริการครบ 30 สาขา
นางวชิราภรณ์ กล่าวต่อว่า ภาพรวมสภาวะการแข่งขันในตลาดไอศกรีมขณะนี้ ยังคงมีการแข่งขันค่อนข้างสูง เพราะนอกจากตลาดไอศกรีม ทั้งกลุ่มแมส, พรีเมียม, ซูปเปอร์พรีเมียม แล้ว ปัจจุบันยังมีแบรนด์ในกลุ่ม Bakery ที่มีการนำไอศกรีมไปเป็นส่วนประกอบของเมนูต่างๆ ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกสำหรับของหวานมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีคู่แข่งเพิ่มสูงขึ้น แต่ในส่วนของแบรนด์โคล สโตนฯ ยังคงเดินหน้าพัฒนารสชาติของไอศกรีมและกลุ่มสินค้าใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าไม่เกิดความรู้สึกเบื่อ และมีความรู้สึกอินเทรนด์กับสินค้าของร้านโคนสโตนฯ ตลอดเวลาที่ได้เข้ามาใช้บริการภายในร้าน
ปัจจุบัน ร้านโคนสโตนฯ ที่จำหน่ายภายในร้านทั้งหมด 3 กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มที่ 1.ไอศกรีม ซึ่งเป็นสินค้าหลักในการทำยอดขายของร้าน แบ่งสินค้าออกเป็น 2 ประเภท คือ ไอศกรีม Signature Creations มีทั้งหมด 20 รสชาติ และไอศกรีม Custom Creations เป็นไอศกรีมที่ให้ลูกค้าสามารถเลือกมิกซ์ แอนด์ แมทช์ไอศกรีมได้ตามสไตล์ของตนเอง
กลุ่มที่ 2. เครื่องดื่ม ประกอบด้วย กาแฟสด , Shake, Smoothie, Healthy Drink ซึ่งเป็นสินค้าที่เราเพิ่ง Launch ใหม่ คือ Citrust Honey และ Mixed Cranberry ส่วนกลุ่มที่ 3. คือ ไอศกรีมเค้ก มีจำหน่ายทั้งเค้ก 6 นิ้วและ 4 นิ้ว ซึ่งในส่วนของปีนี้ทางซีอารืจีพยายามที่จะพัฒนาเค้กหน้าใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับลูกค้า
นอกจากนี้ เพื่อต้อนรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่จะเปิดขึ้นในปลายปีนี้ ซีอาร์จีได้มีการเตรียมรับมือกับลูกค้าต่างชาติ ด้วยการทำเมนูภาษาจีนและภาษาญี่ปุ่น เพื่ออำนวยความสะดวกในการสั่งเมนูของลูกค้าในกลุ่มประเทศอาเซียน
ขณะเดียวกันยังมีการสอนภาษาจีนและภาษาอังกฤษ ให้กับพนักงานขาย ซึ่งจะเน้นไปที่คำทักทาย คำกล่าวขอบคุณ หรือคำถามง่าย ๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวรู้สึกประทับใจกับแบรนด์ของร้านโครสโตนฯ และประทับใจในความน่ารักของคนไทย โดยในส่วนของสาขาที่จะสอนภาษาต่างประเทศเป็นพิเศษ คือ เซ็นทรัลเวิล์ด สยามพารากอน เดอะแพลตินั่ม แฟชั่นมอลล์ และสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นต้น
หลังจากเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซีอาร์จีมั่นใจว่าสิ้นปีนี้จะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 40% อย่างแน่นอน เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่มีรายได้มากกว่า 200 ล้านบาท เนื่องจากช่วงปลายปีเป็นช่วงหน้าขาย ซึ่งจากแนวโน้มที่ดีของร้านโคนสโตนฯ ซีอาร์จีมั่นใจว่าในอีก 5 ปีนับจากนี้ จะมีรายได้ทะลุ 500 ล้านบาท ได้อย่างแน่นอน
ข่าวเด่น