อีกไม่กี่อึดใจประเทศไทยก็จะก้าวเข้าสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ส่งผลให้หลายธุรกิจเริ่มมีการเจรจาทำการค้าชายแดนร่วมกัน ซึ่งรายล่าสุดที่เล็งเห็นโอกาส คือ บริษัท สยามอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หลังจากเจรจากับนักธุรกิจดิวตี้ฟรีของประเทศลาวแล้ว มีความเห็นพ้องต้องกันในโอกาสสร้างรายได้ของการทำธุรกิจดิวตี้ฟรีบริเวณแนวชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ
สำหรับทำเลที่นักธุรกิจดิวตี้ฟรีของลาวและบริษัท สยามอินเตอร์เนชั่นแนล มีความเห็นตรงกันว่า ควรใช้เป็นสถานที่ตั้งของการทำโครงการดิวตี้ฟรี คือ โครงการเขตเศรษฐกิจเฉพาะที่ถนนดงโพสี กรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว ใกล้กับสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 จ.หนองคาย ซึ่งตัวดิวตี้ฟรีจะตั้งอยู่บนพื้นที่ 200 ไร่ ภายใต้การบริหารงานของบริษัท บีเอ็มเอ็ม กรุ๊ป จำกัด
นายสยาม รามสูตร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจดิสทริบิวเตอร์ในกลุ่มประเทศ CLMV กล่าวว่า บริษัทได้ทำการก่อตั้ง บริษัท บีเอ็มเอ็ม กรุ๊ป จำกัด ขึ้นมา เพื่อทำโครงการ ลาวดิวตี้ฟรี มอลล์ ซึ่งบริหารงานโดยนายพิสิฐ บัญญาดิษฐ์ นักธุรกิจดิวตี้ฟรีของลาว ซึ่งในส่วนของสัมปทานที่ได้จากรัฐบาลลาว เพื่อทำโครงการดังกล่าวมีอายุสัมปทาน 50 ปี บวก 50 ปี
จากอายุสัมปทานที่คุ้มค่าแก่การลงทุน ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจ ใกล้กับสะพานมิตรภาพ แห่งที่ 1 จึงทำให้บริษัท สยามอินเตอร์เนชั่นแนล มั่นใจว่าการเข้ามาร่วมลงทุนทำธุรกิจ “ลาว ดิวตี้ฟรี มอลล์ ในครั้งนี้จะคุ้มค่าแก่การลงทุนอย่างแน่นอน เนื่องจากพื้นที่ชายแดนของ จ.หนองคาย มีมูลค่าการค้าชายแดนมากกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ ยังใกล้จุดเชื่อมต่อรถไฟความเร็วสูง สะดวกต่อการขนส่ง และยังได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีต่างๆ เช่น ต่างชาติสามารถเปิดธุรกิจในเขตนี้โดยมีผู้ถือหุ้นเป็นต่างชาติเต็ม 100% ได้ มีการอำนวยความสะดวกการจัดการบริการจดทะเบียนการค้า และการขออนุญาตธุรกิจ นอกจากนี้ พื้นที่ดังกล่าวยังได้สิทธิพิเศษยกเว้นภาษีการค้า ภาษีนำเข้าสินค้า และการเปิดบัญชีธนาคารเงินฝากเพื่อนำเงินเข้าและออก
สำหรับตัวโครงการ “ลาว ดิวตี้ฟรี มอลล์ ” หรือ “แอลดีเอฟ” (LDF) ได้รับไลเซนส์อย่างเป็นทางการจากรัฐบาลลาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นจะใช้งบจำนวน 3,500 ล้านบาท ในการลงทุนก่อสร้างโครงการดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ 37,000 ตร.ม. ในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นพื้นที่ขาย 22,000 ตร.ม. มีที่จอดรถสูง 4 ชั้น รองรับรถยนต์ 300 คัน
ทั้งนี้ ในส่วนของพื้นที่ขายจำนวน 22,000 ตร.ม. นั้น จะประกอบไปด้วยสินค้าแฟชั่น 45% ซูเปอร์มาร์เก็ต 10% โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับ “วิลล่า ซูเปอร์มาร์เก็ต” เพื่อนำเข้ามาเปิดให้บริการ ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 5% เป็นกลุ่มสินค้าสกินแคร์ อีก 9% เป็นร้านอาหารเครื่องดื่ม และอีก 5% เป็นบริการทางการเงินของธนาคารพาณิชย์
นายสยาม กล่าวว่า ด้วยศักยภาพของประเทศลาวในด้านของการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากตัวเลขนักท่องเที่ยวในปี 2557 ซึ่งอยู่ที่ 4.1 ล้านคน แบ่งเป็นจากคนไทย 2 ล้านกว่าคน เวียดนาม 1.1 ล้านคน และ ลาว 4 แสนกว่าคน ถือว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2556 ที่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปยังไปประเทศลาวเพียง 3.7 ล้านคนเท่านั้น บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสที่ดีในการเข้าไปขยายธุรกิจในประเทศดังกล่าว
นอกจากนี้ การที่ในอนาคตอันใกล้ จะมีโครงการรถไฟความเร็วสูง มูลค่า 7,200 ล้านบาท เส้นทาง คุนหมิ ง-เวียงจันทน์-กรุงเทพฯ ระยะทาง 420 กิโลเมตร ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562 จะยิ่งช่วยทำให้การเดินทางสะดวกขึ้น ประกอบกับรัฐบาลลาวมีเป้าหมายที่จะผลักดันการท่องเที่ยวให้เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผลักดันรายได้ประเทศ ด้วยการตั้งเป้านักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเท่าตัวต่อปี จึงทำให้มั่นใจว่าหลังจากเปิดให้บริการในไตรมาสแรกของปี 2559 น่าจะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการในลาวดิวตี้ฟรีวันละไม่ต่ำกว่า 10,000 คน
นายสยาม กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้เริ่มพรีเซลแล้ว คาดว่าช่วงแรกจะขายพื้นที่ได้ประมาณ 40% ลักษณะจะเป็นแบบคอนไซน์เมนต์เหมือนห้างสรรพสินค้า แล้วแบ่งรายได้เป็นค่าจีพีให้กับผู้ค้า ขณะที่ธุรกิจอื่น เช่น คลินิก และธนาคารพาณิชย์ จะเป็นการเช่าตายตัว
นายพิสิฐ บัญญาดิษฐ์ ประธาน บริษัท บีเอ็มเอ็ม กรุ๊ป ผู้คร่ำหวอดในแวดวงธุรกิจของ สปป.ลาว หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท บีเอ็ม กรุ๊ป จำกัด และโครงการ ลาว ดิวตี้ฟรี มอลล์ กล่าวว่า การร่วมทุนในครั้งนี้กับกลุ่มทุนไทย ถือเป็นการนำเอาศักยภาพด้านการค้าระหว่างประเทศที่สยามอินเตอร์เนชั่นแนล ทำธุรกิจมาแล้วทั่วทุกภูมิภาค AEC มาผนวกร่วมกับความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจค้าปลีกปลอดภาษีของเรา ซึ่งจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นในกับผู้ลงทุนได้เป็นอย่างดี
ด้าน นายสมคิด ตันทัดวาณิชย์กุล ผู้ก่อตั้ง บริษัท ธิงค์เวิร์ค จำกัด ผู้บริหารงานขายโครงการ ลาวดิวตี้ฟรี มอลล์ กล่าวว่า รูปแบบของการขายพื้นที่เช่าของโครงการลาวดิวตี้ฟรี มอลล์ ซึ่งมีพื้นที่ขายกว่า 20,000 ตร.ม.นั้น บริษัทมีแผนที่จะผลักดันให้เป็น The New Shopping Capital of ASEAN ภายใต้คอนเซปต์ Uniqueness, Luxury, Simplicity ด้วยการใช้งบประมาณตกแต่งพื้นที่กว่า 800 ล้านบาท ภายในโครงการจัดสรรให้มีพื้นที่ร้านค้า และบริการกว่า 200 ร้านค้า เฉลี่ยพื้นที่ร้านค้าประมาณ 20-200 ตร.ม.ต่อร้าน
สำหรับกลุ่มสินค้าที่นำมาจำหน่ายจะมีทั้ง Fashion & Accessories และ Luxury Brand ร้านอาหารและคาเฟ่ ร้านสินค้าไลฟ์สไตล์ บริการด้านสุขภาพและความงาม สินค้า Packaged Food และของที่ระลึกที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ รวมไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ต และสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน เช่น ลานจอดรถขนาดใหญ่สำหรับรถบัสนักท่องเที่ยว และพื้นที่จอดรถยนต์ส่วนบุคคลกว่า 300 คัน ระบบรักษาความปลอดภัย และบริการต่างๆ รองรับกำลังซื้อมหาศาลจากลูกค้า และนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ทั้งจาก สปป.ลาว คนไทย ชาวจีน เวียดนาม และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
นอกจากนี้ ยังได้วางแผนงานทางการตลาด เพื่อสร้างการรับรู้แก่นักท่องเที่ยวผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น สื่อหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ในไทย และต่างประเทศ รวมทั้งสื่อออนไลน์ต่างๆ และจัดตั้งศูนย์อำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว ประสานงานกับกลุ่มบริษัททัวร์ทุกภูมิภาคและประเทศต่างๆในอาเซียน ประกอบกับจัดกิจกรรมในช่วงการเปิดตัว และกิจกรรมส่งเสริมการขายต่อเนื่องตลอดทั้งปี
หลังจากเปิดให้บริการในไตรมาสแรกของปี 2559 โครการลาวดิวตี้ฟรี มอลล์ คาดว่าจะมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวปีละไม่ต่ำกว่า 3,500 ล้านบาท และจะสามารถถึงจุดคุ้มทุนได้ภายใน 5 ปีหลังจากเปิดให้บริการ ซึ่งถือเป็นเป้าหมายที่ค่อนข้างรวดเร็วเมื่อเทียบกับห้างค้าปลีกขนาดใหญ่อื่นๆ ที่จะถึงจุดคุ้มทุนได้ภายใน 7-10 ปี
นอกจากจะปักธงถึงจุดคุ้มทุนใน 5 ปีแล้ว โครงการลาว ดิวตี้ฟรี มอลล์ ยังประกาศตัวเองเป็นศูนย์กลางการค้าใหม่ของอาเซียน ที่รวบรวมแบรนด์ดังและบริการแบบครบวงจรอีกด้วย หลังจากโครงการลาว ดิวตี้ฟรี มอลล์ ออกมาประกาศตัวชัดเจนขนาดนี้ คาดว่าอีกไม่ช้าน่าจะมีผู้ประกอบการไทยออกมาปักธงผุดศูนย์การค้าใหม่ เพื่อรับอานิสงส์การหมุนเวียนของนักท่องเที่ยวที่จะข้ามไปลาวอย่างแน่นอน.
ข่าวเด่น