จากประสบการณ์การทำธุรกิจโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมา นายสุพจน์ ธีระวัฒนะชัย เจ้าของธุรกิจโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง กล่าวว่า มีทั้งสมหวังและผิดหวัง แต่สิ่งดังกล่าวก็เป็นทั้งกำลังใจและแรงผลักดันให้นำความผิดพลาดที่ได้รับมา นำมาปรับปรุงการด้านบริการให้ดียิ่งๆขึ้นไป และวันนี้โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงสาขาที่ 3 กำลังจะถือกำเนิดขึ้น เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าในย่านแจ้งวัฒนะ
หลากหลายประสบการณ์ตลอดระยะเวลา 16 ปีที่เจ้าของโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงได้รับนั้น ส่งผลให้แนวทางการดำเนินธุรกิจของโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง เน้นทำแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากทำเลที่จะเข้าไปเปิดให้บริการต้องเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพจริงๆ และมีความเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการจะเข้าไปทำตลาดจริงๆ
นายสุพจน์ ธีระวัฒนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง 1999 จำกัด กล่าวว่า จริงๆแล้วอยากจะเปิดสาขาแจ้งวัฒนะตั้งแต่ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา แต่เนื่องจากยังหาทำเลไม่ได้ เพราะการทำธุรกิจโรงเบียร์ต้องมีขนาดของพื้นที่ที่เหมาะสม ซึ่งจากประสบการณ์การทำโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงทั้ง 2 สาขา ทำให้ได้เรียนรู้ว่าต้องมีพื้นที่รองรับลูกค้าได้ราว 1,000 ที่นั่ง มีที่จอดรถประมาณ 350 คัน
ดังนั้นการจะเปิดโรงเบียร์สาขาใหม่จึงจะต้องมีที่ดินประมาณ 7 ไร่ ซึ่งการจะหาที่ดินขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย จนกระทั่งมาเจอที่ดินตรงนี้ตั้งอยู่ใกล้กับศูนย์ราชการ สำนักงานต่างๆ และมีหมู่บ้านจัดสรรจำนวนมาก จึงทำให้มีความมั่นใจที่จะเปิดโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงสาขาที่ 3 ในย่านแจ้งวัฒนะ
หลังจากได้ทำเลที่ถูกใจ นายสุพจน์ ได้ใช้งบประมาณ 200 ล้านบาท ลงทุนก่อสร้างตัวอาคารบนพื้นที่ 5,000 ตร.ม. ด้านหน้าเปิดเป็นพื้นที่โล่งสำหรับจอดรถจำนวน 250 คัน ไม่นำรวมชั้นใต้ดินที่สามารถจอดรถอีกประมาณ 100 คัน ส่วนบรรยากาศและการตกแต่งภายในนั้น ได้มีการยกระดับความหรูหราให้เหมาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Boutique Industrial Design” สามารถจุคนได้ถึง 1,200 ที่นั่ง
นอกจากนี้ ยังมีการพื้นยกเป็นเสต็ป ลดหลั่น 3 ชั้น และไม่มีเสาคั่นตรงกลาง เพื่อรับประกันว่าทุกที่นั่งจะสามารถมองเห็นการแสดงบนเวทีได้อย่างชัดเจน ที่สำคัญบริเวณชั้นบนยังจัดที่นั่งแบบหน้ามุก เพื่อความสุนทรีย์ในการชมการแสดงอย่างใกล้ชิดเสมือนอยู่ในโอเปร่าเฮ้าส์ของต่างประเทศ
ขณะเดียวกันได้แบ่งพื้นที่อีกส่วนหนึ่งเป็นห้อง VIP สำหรับลูกค้าที่ต้องการสังสรรค์เป็นกลุ่ม โดยมีห้องที่รองรับลูกค้าได้ตั้งแต่ 20-200 คน และมุมโซฟานั่งสบายๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่อยากปลีกตัวเพื่อพูดคุยหรือเจรจาธุรกิจ
นายสุพจน์ กล่าวต่อว่า จากประสบการณ์การทำธุรกิจโรงเบียร์ตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมา ในด้านของเวทีและโชว์จะเน้นไปที่ความสมบูรณ์แบบและความอลังการของฉาก เวที แสง สี เสียง และโชว์อันตระการตา ซึ่งเบื้องต้นได้ใช้งบกว่า 25 ล้านบาท เนรมิตความบันเทิงเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเวทีขนาดความสูง 7 เมตร กว้าง 16 เมตรที่ออกแบบมาในลักษณะโรงละครตามมาตรฐานสากล ใช้เทคโนโลยีและระบบการเปลี่ยนฉากด้วยจอ LED ขนาดใหญ่ ระบบไฮโดรลิก หรือ สลิงเพื่อการเคลื่อนไหวลอยตัวของนักแสดง รวมถึงน้ำพุประกอบดนตรีที่จะเต้นระบำด้วยความสูง 6 เมตร
ส่วนรูปแบบการแสดงนั้นยังคงความโดดเด่นทั้งเนื้อหาและความอลังการ ที่ผสานศิลปะ วัฒนธรรม และประเพณีแบบไทยๆ โดยทีมงานได้สร้างสรรค์ความหลากหลายของการแสดงเพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น เพลงไทยสากล เพลงลูกทุ่ง เพลงสากล โดยใช้การแสดงแบบบรอดเวย์ประกอบกับเทคนิคอันแพรวพราวที่จะตรึงผู้ชมให้สนุกสนานไปพร้อมๆ กัน ซึ่งในแต่ละเดือนการแสดงจะหมุนเวียนสลับเปลี่ยนกันถึง 25 ชุด และเพิ่มการแสดงใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
หลังจากเปิดให้บริการสาขาแจ้งวัฒนะ นายสุพจน์คาดว่าจะมีรายได้จากโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง สาขาดังกล่าวในสิ้นปีนี้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และถึงจุดคืนทุนได้ภายใน 3 ปี ด้วยการเน้นทำการตลาดผ่านกลยุทธ์เจาะกลุ่มลูกค้าประจำ และมอบสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก ซึ่งปัจจุบันมีฐานสมาชิกจาก 2 สาขาอยู่ที่ประมาณ 6,000 คน และเพื่อสร้างแบรนด์ของสาขาแจ้งวัฒนะให้เป็นที่รู้จัก จะมีการจัดโปรโมชั่นและจัดคอนเสิร์ตศิลปินชื่อดังภายในโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงอย่างต่อเนื่อง
นายสุพจน์ กล่าวว่า ไม่รู้สึกกังวลกับการเปิดให้บริการสาขาแจ้งวัฒนะ แม้ว่าขณะนี้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยจะอยู่ในภาวะชะลอตัว เนื่องจากพฤติกรรมของคนกรุงเทพฯ ยังมีความต้องการที่จะออกจากบ้านเพื่อมาสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนและรับประทานอาหารนอกบ้าน ประกอบกับ 2 สาขาที่เปิดให้บริการมาไม่ว่าจะเป็นสาขาพระราม 3 หรือสาขารามอินทรา แต่ละสาขาเปิดให้บริการในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวทั้งหมด แต่ก็สามารถผ่านมาได้ จึงมั่นใจว่าสาขาแจ้งวัฒนะ จะได้ผลการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ทั้งนี้ หลังจากเปิดสาขาแจ้งวัฒนะเป็นที่เรียบร้อย นายสุพจน์มีแผนที่จะเปิดให้บริการโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงเพิ่มอีก 2 สาขา ในย่านบางแค และศรีนครินทร์ ซึ่งในส่วนของพื้นที่และงบที่จะใช้การลงทุนเบื้องต้น คาดว่าจะอยู่ใกล้เคียงกับสาขาแจ้งวัฒนะ คือ ที่ดิน 7 ไร่ และลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับราคาที่ดิน และการตกแต่งตัวโรงเบียร์
นอกจากจะให้ความสำคัญกับการขยายสาขาในประเทศแล้ว นายสุพจน์ยังมีแผนที่จะนำธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งเป็นธุรกิจส่วนย่อของโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงขยายสาขาไปในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาตลาดในประเทศพม่า พร้อมกับหาพันธมิตรเพื่อร่วมทุนเปิดร้านอาหาร คาดว่าต้นปี 2559 น่าจะได้ข้อสรุป
ปัจจุบัน ธุรกิจร้านอาหารของโรงเบียรท์เยอรมันตะวันแดงที่เปิดให้บริการในต่างประเทศมีอยู่ด้วยกัน 2 สาขา คือ ตะวันแดง ไมโคร เบเวอรี่ ประเทศสิงคโปร์ และอีก 1 สาขาอยู่ในประเทศกัมพูชา ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการทั้ง 2 สาขาได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี โดยในปีที่ผ่านมาทั้ง 2 สาขามีรายได้อยู่ที่ประมาณ 30 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากประเทศสิงคโปร์ 20 ล้านบาท และกัมพูชา 10 ล้านบาท
หลังจากเดินหน้าขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง นายสุพจน์ คาดว่า จะมีรายได้จากธุรกิจโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงในสิ้นปีนี้ไม่ต่ำกว่า 700 ล้านบาท เติบโต 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 600 ล้าน และหากเปิดสาขาครบ 5 สาขาตามแผน เชื่อว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท อย่างแน่นอน
การออกมาเปิดเกมรุกตลาดโรงเบียร์ในครั้งนี้ สังเกตเห็นได้ว่าตลาดในประเทศยังคงเน้นไปที่กรุงเทพฯและปริมณฑลเป็นหลัก เนื่องจากตลาดต่างจังหวัดมีแรงเหวี่ยงสูง เมื่อมีปัจจัยลบด้านเศรษฐกิจและกำลังซื้อเข้ามากระทบ ส่วนตลาดต่างประเทศจะเน้นไปที่กลุ่มประเทศที่มีพฤติกรรมการบริโภคที่ใกล้เคียงกับคนไทย แนวทางที่วางไว้จะพาให้โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงไปถึงเป้า 1,500 ล้านบาทใน 5 ปีได้หรือไม่ อันดับแรกต้องมาลุ้นกันที่สาขาแจ้งวัฒนะก่อนว่าจะเป็นสาขาที่ดีที่สุด และถูกในผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายเหมือนอย่างที่คาดไว้หรือเปล่า
ข่าวเด่น