ตลอดระยะเวลา 60 ปีที่“ตลาดยิ่งเจริญ” เปิดให้บริการตลาดสดในย่านสะพานใหม่บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ตลาดสดยิ่งเจริญ ยังคงให้ความสำคัญกับความหลากหลายของสินค้าคุณภาพที่มาพร้อมสุขอนามัย เพื่อยกระดับให้เป็นตลาดสดครบวงจรชั้นแนวหน้าของไทย
นอกจากนี้ บริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด ยังมีแผนที่จะเอาตลาดยิ่งเจริญเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ (REIT) เพื่อระดมทุนนำเงินมาปรับปรุงตลาดยิ่งเจริญ ซึ่งมีพื้นที่อีกประมาณ 15 ไร่ ให้เป็นโครงการมิกซ์ยูส ซึ่งจะมีทั้งในส่วนของตลาดสด โครงการที่อยู่อาศัย และค้าปลีกสมัยใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในย่านสะพานใหม่ และใกล้เคียง
นางณฤมล ธรรมวัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด ผู้บริหารตลาดยิ่งเจริญ กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะนำธุรกิจตลาดสดยิ่งเจริญเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ในช่วงระยะเวลาอีก 3-5 ปีนับจากนี้ เพื่อระดมทุนกว่า 2,000 ล้านบาท นำมาพัฒนาโครงสร้างของตลาดสดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากในอนาคตอันใกล้ย่านสะพานใหม่จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นภายหลังจากภาครัฐประกาศจะพัฒนาโครงการสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่) ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทต้องเตรียมแผนเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น
หลังจากระดมทุนสำเร็จ บริษัท สุวพีร์ฯ มีแผนที่จะแบ่งการพัฒนาที่ดินออกเป็น 3 เฟส ประกอบด้วย ในส่วนของของเฟสแรก จะเป็นการพัฒนาตลาดเก่าจำนวน 15 ไร่ที่มีอยู่เดิมให้เป็นอาคาร 8 ชั้น โดยในส่วนของพื้นที่ง 2-3 ชั้นแรกจะเปิดให้บริการเป็นธุรกิจตลาด ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 5 ชั้น จะสร้างเป็นที่พักในรูปแบบอพาร์ตเมนต์ เพื่อรองรับผู้เช่าแผงค้าขายในตลาด เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบลงทุนในเฟสแรกประมาณ 1,000 ล้านบาท
ส่วนเฟสที่ 2 บริษัท สุวพีร์ฯ มีแผนที่จะพัฒนาที่ดินจำนวน 20 ไร่ ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับตลาดเก่าให้เป็นพื้นที่ของค้าปลีกสมัยใหม่แบบครบวงจร หนึ่งในพันธมิตรที่สนใจจะเจรจาเข้ามาร่วมธุรกิจในพื้นที่ค้าปลีกโครงการดังกล่าว คือ ธุรกิจโรงภาพยนตร์ ซึ่งหากเจรจาสำเร็จบริษัท สุวพีร์ฯ จะใช้ชื่อคอนเซ็นปต์ของโครงการดังกล่าวว่า “เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” หรือแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของคนในย่านสะพานใหม่ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
สำหรับเฟส 3 บริษัท สุวพีร์ฯ มีแผนที่จะหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุนในการพัฒนาพื้นที่ ซึ่งเบื้องต้นมีแผนที่จะพัฒนาพื้นที่เป็นโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ อย่างไรก็ดี เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างการหาพันธมิตรเข้ามาร่วมพัฒนาพื้นที่ ประกอบกับเฟส 3 จะเกิดขึ้นในอีก 5-10 ปี จึงทำให้ยังไม่สามารถประเมินงบลงทุนการก่อสร้างของโครงการในเฟสที่ 3 ได้
นางนฤมล กล่าวต่อว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ บริษัทยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาให้ตลาดยิ่งเจริญมีความทันสมัย สะอาด ถูกสุขลักษณะให้มากขึ้น ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้ที่ประกาศออกไปถือเป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่ในรอบ 60 ปีนับแต่เปิดให้บริการมา ซึ่งมั่นใจว่าหลังจากเสร็จครบทั้งสามเฟส จะทำให้รายได้เพิ่มเป็น 2 เท่า จากปัจจุบันนี้รายได้อยู่ที่ 400 ล้านบาท
ด้านแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่ตลาดยิ่งเจริญเปิดให้บริการมาครบ 60 ปี และกำลังจะก้าวสู่ทศวรรษที่ 7 บริษัท สุวพีร์ฯ มีแผนที่จะพัฒนาตลาดยิ่งเจริญให้เป็นที่รู้จักและยอมรับมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มของผู้ค้าขายหรือประชาชนทั่วไป เพื่อให้เป็นตลาดสดชั้นแนวหน้าของประเทศไทยและสามารถแข่งขันกับห้างค้าปลีกได้
สำหรับกลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์และให้ผู้ค้าและผู้ซื้อยอมรับตลาดยิ่งเจริญมากขึ้น บริษัท สุวพีร์ฯ จะ ยึดหลักการบริหารที่สืบทอดมาจากรุ่นแม่ คือ นางสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ ด้วยการเน้นไปที่ความซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค ความผูกพันระหว่างคู่ค้าและผู้บริหาร ที่มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และการช่วยเหลือสังคม
ปัจจุบันตลาดยิ่งเจริญ ตั้งอยู่บนที่ดิน 35 ไร่ 3 งาน หรือ 57,212 ตร.ม. มีจำนวนร้านค้าที่เข้ามาเช่าพื้นที่พร้อมเปิดให้บริการประมาณ 1,500 ร้าน ภายในตลาดมีการแบ่งพื้นที่เป็นโซนต่างๆ เพื่อความสะดวกในการซื้อสินค้าครบทุกประเภท เช่น โซนตลาดนัดคนกันเอง ตลาดนัดคลองถม 2, ลานโปรโมชั่น, ยิ่งเจริญพลาซ่า, ศูนย์อาหารให้บริการ 24 ชั่วโมง และโรงเรียนการเรือนยิ่งเจริญ เป็นต้น
นางนฤมล กล่าวอีกว่า ตลาดยิ่งเจริญถือเป็นตลาดค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานคร มีการจับจ่ายซื้อของในตลาดสดประมาณ 30,000 คนต่อวัน มีรถเข้ามาใช้บริการประมาณ 7,000 – 8,000 คัน ต่อวันในวันปกติ และไม่ต่ำกว่า 10,000 คัน ในช่วงเทศกาลสำคัญ
จากผลการตอบรับที่ดีทั้งจากพ่อค้าแม่ค้าและผู้บริโภค ส่งผลให้ตลาดยิ่งเจริญได้รับรางวัลมากมาย เช่น รางวัลตลาดที่รักษามาตรฐานสุดยอดตลาดต้นแบบของกรุงเทพมหานคร ระดับถ้วยทอง,รางวัลตลาดสดต้นแบบ ของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ,รางวัลตลาดสดขวัญใจมหาชน คลื่น จส. 100 และรางวัลตลาดสดมาตรฐานอาหารปลอดภัย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ในวาระที่ตลาดยิ่งเจริญได้ดำเนินกิจการมาครบรอบ 60 ปี บริษัท สุวพีร์ฯ จึงมีแผนที่จะพัฒนาตลาดและจัดงานเฉลิมฉลอง โดยในส่วนของการพัฒนาตลาด เพื่อต้อนรับการก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 7 บริษัท สุวพีร์ฯ มีแผนที่จะพัฒนาตลาดสดให้มีความครบวงจรและมีคุณภาพมาตรฐานสากลทั้งในด้านของความสะอาด ความสะดวก และความปลอดภัย
ขณะเดียวกันก็จะใช้รูปแบบการผสมผสานระหว่างตลาดสดครบวงจรดั้งเดิม เพื่อสร้างความหลากหลายของสินค้าทั้งไทยและต่างประเทศเทศในราคาที่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตลาดยิ่งเจริญในรูปแบบ Open Air ที่มีสินค้าคุณภาพที่หลากหลายในราคายุติธรรมและมีการพัฒนาตลาดอย่างเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่ภาพลักษณ์ใหม่ที่ดูทันสมัย และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังคงความเป็น “ตลาดสดวิถีไทย” ไว้ได้อย่างครบถ้วน
นอกจากนี้ บริษัท สุวพีร์ฯ ยังมีแผนที่จะทำการตลาดเชิงรุก ด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับพ่อค้าแม่ค้า องค์กรต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชนในช่วงเทศกาลต่าง ๆ เพื่อคืนกำไรให้กับผู้บริโภค เช่น การส่งเสริมกิจกรรมสร้างสรรค์สังคม การให้การศึกษาความรู้ทางด้านเอสเอ็มอี ด้วยการจัดคอร์สสอนการทำอาหารในโรงเรียนการเรือนยิ่งเจริญ เพื่อไปประกอบวิชาชีพ
อีกหนึ่งกิจกรรมที่ขาดไม่ได้ในปีนี้ คือ การจัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี ซึ่งตรงกับวันที่ 11 ส.ค. นี้ จะมีการจัดกิจกรรมงานบุญใหญ่ครบรอบ 60 ปี ในวันที่ 10 ส.ค. การจัดงานเทิดพระเกียรติวันแม่แห่งชาติ ในวันที่ 12 ส.ค. การจัดงานบวงสรวงเจ้าพ่อใหญ่ช่วงเทศกาลกินเจและเทศกาลเทกระจาด ในเดือนต.ค. และการจัดงานเทิดพระเกียรติวันพ่อแห่งชาติ ในวันที่ 5 ธ.ค. นี้ เป็นต้น
หลังจากออกมาปรับตัวครั้งใหญ่ เพื่อยกระดับเป็นตลาดสดครบวงจรชั้นแนวหน้าของไทยในครั้งนี้ น่าจะทำให้ตลาดยิ่งเจริญ เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นได้อย่างแน่นอน
ข่าวเด่น