แบงก์-นอนแบงก์
กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร เดินหน้าธนาคารเพื่อการลงทุน รุกธุรกิจ "Private Banking" รองรับการเติบโตกลุ่มลูกค้าบุคคลรายใหญ่


“กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร” เผยปรับภาพรวมของสาขาทั่วประเทศ พร้อมยกระดับ Flagship Branch “เซ็นทรัลเวิลด์ เยาวราช อโศก ทองหล่อ” ให้เป็น Financial Hub เพื่อรุกธุรกิจ Private Banking รองรับการเติบโตของกลุ่มลูกค้าบุคคลรายใหญ่ที่เริ่มกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ส่วนทางด้านสินเชื่อเน้นการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ และขยายพอร์ตสินเชื่อบรรษัท  คาดสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่แม้ว่าจะมีสถานะที่มั่นคง แต่ยังคงฟื้นตัวช้า รวมถึงต้องจับตาปัจจัยภายนอกประเทศ อาทิ ปัญหาเศรษฐกิจจีน และการแก้ปัญหากรีซ

 

นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) ได้กำหนดทิศทางในการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน โดยมุ่งเน้นใน 3 ด้าน คือ การเป็น Credit House ที่มีประสิทธิภาพ ถัดมาคือการรุกธุรกิจ Private Banking อย่างจริงจัง เนื่องจากมีโอกาสที่ดีในการขยายตลาด และสุดท้ายคือการรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจ Investment Banking เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญและเป็นผู้นำในธุรกิจนี้มาโดยตลอด

หากพิจารณาแยกเป็นรายธุรกิจนั้น ในส่วนของ Credit House จะอยู่ในส่วนของลูกค้าสินเชื่อที่ดำเนินการภายใต้ธนาคารเกียรตินาคิน ซึ่งสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมต้องเน้นทางด้านการรักษาคุณภาพของสินทรัพย์เป็นหลัก ตลอดจนขยายการเติบโตของสินเชื่อบรรษัท ล่าสุด ได้ร่วมกับบรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (ไอเอฟซี) ธนาคารไทยสองแห่ง (ธนาคารไทยพาณิชย์,ธนาคารทีเอ็มบี) และไอเอ็นจี ปล่อยกู้ให้กับ PRASAC ไมโครไฟแนนซ์รายใหญ่ที่สุดในกัมพูชา

ถัดมา คือ ธุรกิจ Private Banking โดยอาศัยความเชี่ยวชาญของ บล.ภัทร และฐานลูกค้าของธนาคารเกียรตินาคินในการรุกธุรกิจอย่างจริงจัง ที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาเครือข่ายสาขาให้มีรูปแบบการบริหารที่เหมาะสมสำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย (ณ สิ้นไตรมาส 2/2558 มีจำนวนทั้งสิ้น 63 สาขา) พร้อมทั้งพัฒนาและยกระดับ Flagship Branch 4 แห่ง คือ เซ็นทรัลเวิลด์ เยาวราช อโศก และทองหล่อ ให้เป็น Financial Hub ที่มีผลิตภัณฑ์และการบริการของกลุ่มธุรกิจฯ อย่างครบถ้วน ซึ่งจะทยอยเปิดสาขาโฉมใหม่ต่อไป

และสุดท้าย คือ ธุรกิจ Investment Banking ซึ่งเป็นธุรกิจเดิมของ บล.ภัทร และเป็นผู้นำในธุรกิจนี้อยู่แล้ว ส่วนใหญ่กลุ่มลูกค้าจะเป็นบริษัทขนาดกลาง-ใหญ่ของประเทศ รวมถึงการให้บริการด้านการซื้อขายหุ้นให้กับนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ
 
“รูปแบบการทำธุรกิจของกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร จะมุ่งเน้นการเป็นธนาคารที่มีการให้บริการด้านตลาดทุนครบวงจร เห็นได้จากผลประกอบการที่มีการกระจายตัวของรายได้ โดยมีสัดส่วนรายได้จากค่าธรรมเนียมที่ 36% โดยจะมุ่งเป้าผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีความเชื่อมโยงระหว่างผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคารและตลาดทุนเป็นหลัก”

ด้าน นายกฤติยา วีรบุรุษ ประธานธุรกิจตลาดทุน กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร และกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนภัทร จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์เคลื่อนไหวผันผวนอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์หนี้กรีซ และการลดลงอย่างรวดเร็วของตลาดหุ้นจีน รวมถึงปัจจัยภายในประเทศที่เกิดจากผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่ต่ำกว่าคาด

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันลูกค้าเน้นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนหรือที่เรียกว่า Asset Allocation มากขึ้น มีการออมและการลงทุนในรูปแบบอื่นๆ นอกเหนือจากการฝากเงินหรือลงทุนในหุ้น จึงเป็นโอกาสของธุรกิจ Private Banking ในการเข้าไปเป็นที่ปรึกษาการลงทุนดูแลความมั่งคั่งให้แก่ลูกค้าบุคคลรายใหญ่ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญของ บล.ภัทร ในการเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย ผสานกับฐานลูกค้าเงินฝากและช่องทางการให้บริการของธนาคาร
 
“ภัทรมีประสบการณ์ทางธุรกิจ Private Banking มากว่า 15 ปี เข้าใจฐานลูกค้ากลุ่ม High Net Worth (เงินลงทุนมากกว่า 30 ล้านบาท) มีความชำนาญ เชี่ยวชาญการลงทุน มีกระบวนการให้คำปรึกษาที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า พร้อมคัดสรรผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่เหมาะสมพร้อมข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้ ลูกค้าบุคคลรายใหญ่มีการลงทุนที่ค่อนข้างระมัดระวัง อีกทั้งในปัจจุบัน การลงทุนมีความซับซ้อนมากขึ้น จึงจำเป็นที่จะต้องกระจายความเสี่ยงในทรัพย์สินหลากประเภทและหลายภูมิภาค และอีกหนึ่งกลุ่มที่มีโอกาสเติบโตสูงคือ Mass Affluent (เงินลงทุนตั้งแต่ 2-30  ล้านบาท) ในช่วงปลายปี จะมีการเปิดบริการ Phatra Edge อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นบริการวางแผนการเงิน โดยอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญของทีมงานภัทร ให้บริการแก่ลูกค้าของธนาคารที่มีเงินลงทุนตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเชื่อว่าจะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดหุ้นเองค่อนข้างผันผวน และดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลงเช่นปัจจุบัน และเราเองจะไม่หยุดการพัฒนาศักยภาพ เพื่อทำให้ลูกค้าได้รับการบริการที่ดีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”นายกฤติยากล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานนั้น นายชวลิต จินดาวณิค ประธานสายการเงินและงบประมาณ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า งวดไตรมาส 2/2558 กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กำไรสุทธิ 749 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาสก่อน หากรวมกำไรไตรมาส 1/2558 ด้วย อยู่ที่ 1,413 ล้านบาท ในส่วนของรายได้รวมอยู่ที่ 3,458 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 2,202 ล้านบาท หรือคิดเป็น 64% ของรายได้รวม ที่เหลือคือรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ 1,255 ล้านบาท (36%)

สำหรับธุรกิจธนาคารพาณิชย์มีเงินให้สินเชื่อรวม จำนวน 175,717 ล้านบาท ลดลง 4.8% จากสิ้นปี 2557 สำหรับหนี้สินรวม (เงินฝาก หุ้นกู้ ตั๋วบีอี และหนี้สินอื่นๆ) มีจำนวน 206,924 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% ในส่วนของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ (Loan Spread) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.2% (ไตรมาส 1 อยู่ที่ 4.0%) เนื่องจากต้นทุนทางการเงินลดลง รวมถึงสัดส่วนเงินฝากประเภทกระแสรายวันและออมทรัพย์เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 48.2% ของเงินฝากรวม จากสิ้นปี 2557 ที่ 47.7%  สำหรับอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ 6.9% และเริ่มเห็นแนวโน้มลดลง สำหรับเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ตามเกณฑ์ ธปท. อยู่ที่ 15.13% (เป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 จำนวน 14.76%)

ส่วนธุรกิจตลาดทุน (บล.ภัทร บล.เคเคเทรด และ บลจ. ภัทร)  ประกอบไปด้วย ธุรกิจนายหน้า ธุรกิจวานิชธนกิจ ธุรกิจการลงทุน และธุรกิจจัดการกองทุน โดย บล.ภัทรและบล.เคเคเทรดมีส่วนแบ่งตลาดรวมเท่ากับ 5.95% (เป็นอันดับ 2 จากทั้งหมด 35 แห่ง) ในส่วนของธุรกิจ Private Wealth Management มีสินทรัพย์ภายใต้คำแนะนำรวมมูลค่า 311,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากสิ้นปี 2557 โดยมีเงินลงทุนใหม่ 20,000 ล้านบาท (เป็นลูกค้าธนาคารกว่า 50%) และในส่วนของธุรกิจจัดการกองทุน ภายใต้ บลจ.ภัทร มีทรัพย์สินภายใต้การจัดการ 36,479 ล้านบาท

 


 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 06 ส.ค. 2558 เวลา : 08:45:33
06-01-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ January 6, 2025, 12:51 pm