การตลาด
สกู๊ป "โอช้อปปิ้ง"รุกออนไลน์ ปักธงปี 2560 ดันรายได้ 3,000 ล้าน


หลังจาก 6 บริษัท ผู้ประกอบธุรกิจ ทีวี  ช้อปปิ้ง ประกอบด้วย  บริษัท ทรู จีเอส จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจโฮมช้อปปิ้งช่อง “ทรู ซีเล็คท์” , บริษัท ช้อป โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจโฮมช้อปปิ้งช่อง “ช้อป แชนแนล” , บริษัท จีเอ็ม เอ็ม ซีเจ โอ ช้อปปิ้ง จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจโฮมช้อปปิ้งช่อง “โอช้อปปิ้ง” , บริษัท ทีวีดี ช้อปปิ้ง จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจโฮมช้อปปิ้งช่อง “ ทีวีดี ช้อป” , บริษัท ไฮ ช็อปปิ้ง จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจโฮมช้อปปิ้งช่อง “ไฮ ช้อปปิ้ง” และ บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) จับมือร่วมมือกันจัดตั้ง “สมาคมทีวีโฮมช้อปปิ้ง (ประเทศไทย)”  หรือ THA  เพื่อยกระดับสร้างมาตรฐานการประกอบธุรกิจโฮมช้อปปิ้งให้ได้มาตรฐานสากลและการดูแลผู้บริโภคให้ได้รับสิทธิอันชอบธรรมจากการใช้บริการโฮมช้อปปิ้ง ด้วยสัญลักษณ์แห่งความเชื่อมั่น (The Symbol of Trust) ส่งผลให้ธุรกิจโฮมช้อปปิ้งเริ่มมีการตื่นตัวอีกครั้ง หลังจากชะลอตัวไปพักใหญ่

 

แม้ว่าขณะนี้เศรษฐกิจและกำลังซื้อจะไม่เอื้อต่อการทำตลาด แต่ผู้ประกอบการโอช้อปปิ้งก็ยังคงนำสินค้าใหม่ๆ มานำเสนอ  เพื่อสร้างความสนใจให้กับลูกค้า ซึ่งสินค้าแต่ละตัวก็ได้ผลการตอบรับที่ดีบ้างไม่ดีบ้างตามสภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อ แต่ถึงแม้ว่าสินค้าบางตัวจะได้ผลการตอบรับที่ไม่ดีนัก ธุรกิจก็ยังคงต้องเดินต่อไป เช่นเดียวกับ บริษัท จีเอ็มเอ็ม ซีเจ โอ ช้อปปิ้ง จำกัด ที่ล่าสุดออกมาปรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของ “โอ ช้อปปิ้ง” เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพตลาด ด้วยการปรับแพ็คเกจสินค้าให้มีขนาดเล็กลง พร้อมกับนำเสนอการขายสินค้าให้มีความน่าสนใจมากขึ้น          

 

ฃนายซอง นัก เจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม ซีเจ โอ ช้อปปิ้ง จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจโฮมชอปปิ้งช่อง “โอ ช้อปปิ้ง” กล่าวว่า แผนการดำเนินงานของช่อง “โอ ช้อปปิ้ง” ในปีนี้ ยอมรับว่าสภาพเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการใช้เงิน ซึ่งในส่วนของบริษัทเองก็ได้มีการปรับแผนการขายสินค้า ด้วยการปรับแพ็คเกจให้มีขนาดเล็กลง พร้อมกับปรับราคาสินค้าให้ถูกลง เพื่อดึงความสนใจให้ผู้บริโภคยอมจ่ายเงินซื้อสินค้า

ปัจจุบัน โอ ช้อปปิ้ง มีสินค้าที่จำหน่ายผ่านสื่อทีวีและช่องทางออนไลน์รวมกันกว่า 1,000 รายการ  ซึ่งในส่วนของสินค้าที่จำหน่ายทั้ง 2 ช่องทาง ค่อนข้างมีความคล้ายคลึงกัน แต่เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักส่วนใหญ่จะเป็นตลาดต่างจังหวัด จึงทำให้สัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่ยังคงมาจากช่องทางทีวีมากกว่าช่องทางออนไลน์

 

แต่อย่างไรก็ตาม หลังจาก โอ ช้อปปิ้ง มีการปรับหลังบ้าน ด้วยการปรับระบบไอทีวีใหม่ เพื่อให้มีประสิทธิภาพ พร้อมกับเพิ่มสินค้าที่ขายเฉพาะช่องทางออนไลน์มากขึ้น ด้วยการนำสินค้าที่เน้นขายต่อครั้งจำนวนไม่มาก มูลค่าไม่สูงมาก แต่มีความต้องการสูงเข้ามาจำหน่ายในช่องทางออนไลน์ เพื่อสร้างความแตกต่างจากสินค้าที่ขายในทีวี ซึ่งจะเน้นขายยกชุด ขายเป็นแพ็ก และราคาต่อครั้งในการซื้อจะสูงกว่า  โอ ช้อปปิ้ง มั่นใจว่าภายในปี 2560 จะมีสัดส่วนรายได้จากการขายออนไลน์เพิ่มเป็น 30%  จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 20%

แม้ว่าจะหันมาเน้นการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น สำหรับการจำหน่ายผ่านช่องทางทีวี โอ ช้อปปิ้ง ก็ยังคงให้ความสำคัญไม่แพ้กัน โดยในส่วนของปีนี้ มีแผนที่จะเพิ่มจำนวนสินค้าเข้ามาทำตลาดเป็น 1,000  รายการ จากปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 6,000 รายการ เพื่อสร้างความหลากหลายและเพิ่มทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งในส่วนของคลังสินค้าที่ตั้งอยู่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ บนพื้นที่ 5,000 ตร.ม. โอ ช้ออปิ้ง มั่นใจว่าจะยังสามารถรองรับจำนวนสินค้าใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นได้ โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม

พร้อมกันนี้ ยังมีแผนที่จะปรับวิธีการสื่อสารให้ โอ ช้อปปิ้ง เป็นแบรนด์โฮมช็อปปิ้งที่มีความใกล้ชิดกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เป็นเหมือนเพื่อนบ้านของคนซื้อ และเน้นเรื่องการคืนสินค้าง่าย เพื่อแก้โจทย์ให้กับลูกค้าที่เคยมีประสบการณ์ไม่ดีเกี่ยวกับการคืนสินค้าที่ซื้อผ่านโฮมช็อปปิ้งต่างๆ จากเดิมจะเน้นชูจุดขายเพียงแค่โทร

 

นายซอง กล่าวว่า กลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยมและมียอดขายที่ดี ยังคงเป็นสินค้าในกลุ่มสินค้าแฟชั่น ชุดชั้นใน และเครื่องออกกำลังกาย เพราะฐานลูกค้ารายใหญ่ของโอ ช้อปปิ้ง คือ กลุ่มผู้หญิง อายุประมาณ 30-59 ปี  ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแม่บ้าน แต่ถ้าช่วงใดบริษัทมีการนำสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและไอทีมาจำหน่าย สัดส่วนกลุ่มลูกค้าผู้ชายก็จะเพิ่มขึ้น  

ทั้งนี้  หลังจากออกมารุกทำการตลาดมากขึ้น โอ ช้อปปิ้ง มั่นใจว่าสิ้นปีนี้จะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 1,500  ล้านบาท เติบโตไม่ต่ำกว่า 50% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 1,130 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้เป็นต้นไป โอ ช้อปปิ้ง มั่นใจว่าในแต่ละปีจะมีรายได้เติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 20%  และจะส่งผลให้ภายในปี  2560 มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท

นายซอง กล่าวต่อว่า หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2554 ตลาดโฮมช็อปปิ้งในไทยมีมูลค่าตลาดเพียง 2,100 ล้านบาทเท่านั้น หรือคิดเป็นอัตราส่วน 0.1% ของมูลค่าตลาดรวมค้าปลีกทั้งระบบที่มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 2.18 ล้านล้านบาท เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวมีผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดโฮมช้อปปิ้งเพียง 1-2 รายเท่านั้น แต่หลังจากมีผู้ประกอบการมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ ส่งผลให้มีผู้เล่นรายใหม่เพิ่มขึ้น จนล่าสุดมีผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดอยู่ที่ประมาณ 6-7 ราย ส่งผลให้ตลาดโฮมช็อปปิ้งในประเทศไทยเริ่มขยายตัวเพิ่มเป็น 6,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 0.2% ของมูลค่าตลาดรวมค้าปลีกทั้งระบบที่ 3 ล้านล้านบาท

จากจำนวนผู้เล่นรายใหม่ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับความนิยมในการซื้อสินค้าโฮมช้อปปิ้งที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ปีที่ผ่านมามีฐานลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าผ่านโฮมช้อปปิ้งเป็น 6 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ที่ตลาดโฮมช้อปปิ้งมีฐานลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพียง 2 ล้านคนเท่านั้น ซึ่งจากแนวโน้มที่ดีดังกล่าว มีการคาดการณ์ว่าภาพรวมตลาดโฮมช้อปปิ้งในปีนี้จะมีมูลค่าเพิ่มเป็น 8,000 ล้านบาท

สำหรับในส่วนของ โอ ช้อปปิ้ง เข้ามาทำตลาดมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 86 ล้านบาท แต่หลังจากเพิ่มจำนวนสินค้าและมีการทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย  รวมไปถึงการประชาสัมพันธ์ธุรกิจมากขึ้น ส่งผลให้ปี 2557 ที่ผ่านมา มียอดขายอยู่ที่ประมาณ 1,138 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงปีแรกที่เข้ามาทำตลาดหลายเท่าตัว และในปี 2558 นี้ โอ ช้อปปิ้ง คาดว่าจะมียอดขายอยู่ที่ 1,700 ล้านบาท เติบโต 50% แบ่งเป็นยอดขายสินค้าบนทีวี 80% และออนไลน์ 20%  มีฐานลูกค้าอยู่ที่ประมาณ 8 แสนคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีฐานลูกค้าอยู่ที่ประมาณ  6 แสนคน

นายซอง กล่าวอีกว่า แม้เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาจะยังไม่ฟื้นตัว แต่ โอ ช้อปปิ้ง ก็สามารถสร้างยอดขายให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ประมาณ  800 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีการทำสินค้าใหม่ๆ มานำเสนอลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

จากแนวโน้มของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังที่เริ่มขยับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับผู้ประกอบการออกมาเปิดตัวสินค้าใหม่ และบริการใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าตลาดโฮมช้อปปิ้งในประเทศไทยจะยังสามารถขยายตัวได้อีกมาก โดยเฉพาะการขายผ่านช่องทางออนไลน์ เนื่องจากปัจจุบันคนไทยเริ่มมีพฤติกรรมคลิกเพื่อซื้อสินค้ามากขึ้น


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 09 ส.ค. 2558 เวลา : 14:32:26
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 12:20 pm